ภาคการศึกษา

โรงเรียน / โรงเรียนนานาชาติ
  • โรงเรียนอัสสัมชัญหลักสูตรภาษาอังกฤษ
  • โรงเรียนเซนต์คาเบรียล
  • โรงเรียนเซนต์หลุยส์ ฉะเชิงเทรา
  • โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง
  • โรงเรียนอัสสัมชัญธนบุรี
  • โรงเรียนอัสสัมชัญศรีราชา
  • โรงเรียนอัสสัมชัญระยอง
  • โรงเรียนอัสสัมชัญอุบลราชธานี
  • โรงเรียนสงวนหญิง สุพรรณบุรี
  • โรงเรียนปัณณวิชญ์ อยุธยา
  • โรงเรียนประสาทวิทยา นนทบุรี
  • โรงเรียนเมรี่อิมมาคุเลตคอนแวนต์
  • โรงเรียนอยุธยาวิทยาลัย
  • โรงเรียนศรีวรการ
  • Rugby International School
  • Verso International School
  • Shrewsbury International School
  • ICS International School
  • Bangkok Prep International School 
  • KIS International School
  • NIST International School
  • ISB International School
อาชีวะศึกษา
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีการจัดการเพชรเกษม 
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม (สยามเทค)
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีชลบุรี
  • วิทยาลัยภาคตะวันออก​ (อีเทค)
  • วิทยาลัยเทคโนโลยีศรีวรการ 

การขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อความยั่งยืน

นโยบายและเป้าหมายการจัดการด้านความยั่งยืน
บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นเป็นอย่างยิ่งในการดําเนินธุรกิจให้เติบโตตามกรอบแนวคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยบริษัทฯ เชื่อมั่นว่าการดําเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนนั้นไม่ใช่เพียงแค่ยืนอยู่ในระยะยาว แต่เป็นการยืนหยัดด้วยการวางรากฐานที่แข็งแกร่ง และพร้อมจะเติบโตไปกับสังคมอย่างเกื้อกูลกัน รวมถึงอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว หากบริษัทฯ มีการดําเนินงานที่ดีบนรากฐานที่แข็งแกร่ง และคํานึงถึงประโยชน์ร่วมกันของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียแล้ว บริษัทฯ ก็จะสามารถดํารงกิจการเพื่อส่งมอบสินค้า บริการที่ดี และสร้างคุณค่าและความยั่งยืนให้แก่สังคมโดยรวมได้ในที่สุด

เพื่อเป็นการให้ความสำคัญกับแนวทางการด้านดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน บริษัทฯ ได้ดำเนินมาตรการอันเกี่ยวกับความรับผิดชอบต่อสังคมในกระบวนการทางธุรกิจ (CSR-in-Process) เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งครอบคลุมประเด็น ทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ผ่านการดำเนินงานในหัวข้อหลัก คือ การกำกับดูแลกิจการที่ดี การเคารพสิทธิมนุษยชน การปฏิบัติด้านแรงงาน สิ่งแวดล้อม การดำเนินงานอย่างเป็นธรรมต่อผู้บริโภค การมีส่วนร่วมและการพัฒนาชุมชน เพื่อให้การประกอบกิจการของบริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม ทั้งนี้ บริษัทฯ จัดให้มีการสื่อสาร กรอบแนวคิดของการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับทุกส่วนงานได้เข้าใจ และตระหนักถึงความสําคัญ เพื่อก่อให้เกิดการร่วมแรงร่วมใจและร่วมมือกัน ผลักดันให้การดําเนินงานของบริษัทฯ ตั้งอยู่บนแนวทางการบริหารจัดการอย่างยั่งยืน
การจัดการผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ
ห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ 

การดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ แบ่งได้เป็น 4 กิจกรรมหลัก ซึ่งมีความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้เสียกับกิจกรรมต่างๆ ดังนี้
  1. จัดหาสินค้า และบริการ
  2. การกระจายสินค้าและบริการ
  3. การตลาดและการขาย
  4. ความรับผิดชอบต่อลูกค้าและบริการหลังการขาย

เพื่อให้กิจกรรมหลักของบริษัทฯ ดำเนินไปอย่างราบรื่นบริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของกิจกรรมสนับสนุนไม่น้อยไปกว่ากิจกรรมหลัก อาทิ กระบวนการจัดซื้อจัดหากระบวนการสรรหา พัฒนาและรักษาบุคลากร กระบวนการบริหารเทคโนโลยี สารสนเทศ กระบวนการบริหารความเสี่ยง กระบวนการปกป้องและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลและความปลอดภัยทางไซเบอร์ (Information Security & Cyber Security) เป็นต้น



 

การวิเคราะห์ผู้มีส่วนได้เสียในห่วงโซ่คุณค่าของธุรกิจ

กลุ่มผู้มีส่วนได้เสียความคาดหวังการตอบสนองความคาดหวังช่องทางการมีส่วนร่วม
ผู้ถือหุ้น/นักลงทุน- ผลประกอบการที่ดีและผลตอบแทนการลงทุนที่คุ้มค่า

- มีการกำกับดูแลกิจการที่ดี
- ความโปร่งใสของข้อมูล
- การเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องตามกำหนดเวลา
- การดูแลสิทธิและความเท่าเทียมกัน
- ทบทวนกลยุทธ์และเป้าหมายของบริษัทฯ เพื่อสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืน
- เชิญชวนให้ผู้ถือหุ้นเข้าร่วมงานประชุมสามัญประจำปี และเชิญชวนให้ส่งคำถามและแสดงความเห็นในการประชุม
- เปิดเผยข้อมูลของบริษัทฯ อย่างโปร่งใสและทันเหตุการณ์ผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และช่องทางอื่น รวมถึงทางเว็บไซต์ของบริษัทฯ
- เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสามารถเสนอข้อคิดเห็นและข้อร้องเรียนต่อบริษัทฯ โดยตรง
- รายงานประจำปี
- การประชุมผู้ถือหุ้น
- ติดต่อนักลงทุนสัมพันธ์
โทร. 02-559-2901-10
Email: ir@spvi.co.th
Website: www.spvi.co.th 
พนักงาน- ปฏิบัติต่อพนักงานโดยยึดหลักสิทธิมนุษยชน

- การจ่ายค่าตอบแทนและผลประโยชน์อื่นๆ ที่เหมาะสม และเป็นธรรม

- ปฏิบัติตามจริยธรรมด้านแรงงาน

- ความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน

- การพัฒนาความรู้

- โอกาสความก้าวหน้าในอาชีพ
- บริหารจัดการผลตอบแทน และสวัสดิการที่เหมาะสมและเป็นธรรม

- ปฏิบัติต่อพนักงานทุกคน ด้วยความเท่าเทียม และเคารพในสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน

-  ให้โอกาสและความก้าวหน้าในหน้าที่การงาน

- จัดอบรมและส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพพนักงาน

- จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานที่คำนึงถึงความปลอดภัยในการทำงาน
- การจัดปฐมนิเทศพนักงานใหม่

- การให้ข้อมูลกับพนักงาน

- หน่วยรับเรื่องร้องเรียน

ฝ่ายทรัพยากรบุคคล

- ร้องเรียนโดยตรงกับผู้บริหารทางอีเมล companysecretary@spvi.co.th

- การประเมินผลการปฏิบัติงานประจำปี
ลูกค้า- คุณภาพของสินค้าและการให้บริการทั้งก่อนและหลังการขาย

- ราคาของสินค้าและบริการมีความเหมาะสม

- ได้รับข้อมูลคุณสมบัติของสินค้า และกิจกรรมส่งเสริมการขายถูกต้อง
- ฝึกอบรมพนักงานให้มีความรู้เกี่ยวกับสินค้า และบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

- สินค้า Demo เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองก่อนตัดสินใจซื้อ

- จัดกิจกรรมให้ความรู้ และเทคนิคการใช้สินค้าทั้งที่ร้านสาขา และWebinar
- การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าขณะให้บริการ

- การอบรมและให้ความรู้และทักษะ ต่างๆ แก่ลูกค้า ทั้งที่ร้านสาขา และช่องทางออนไลน์

- สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า
คู่ค้า- การดำเนินธุรกิจอย่างเป็นธรรม

- การต่อต้านการให้สินบนและคอร์รัปชัน

- การปฏิบัติตามเงื่อนไขทางการค้า

- การปฏิบัติต่อคู่ค้าด้วยความเป็นธรรม

-  การชำระหนี้ตรงตามเวลา
- ปฏิบัติต่อคู่ค้าอย่างเท่าเทียม

- มีกระบวนการจัดซื้อที่ชัดเจน

- แบ่งปันความรู้และมีการปรับปรุง

เพื่อพัฒนาสินค้าและบริการ

- ปฏิบัติตามข้อกำหนดและเงื่อนไขทางการค้า

- มีการแข่งขันการค้าขายอย่างเสรีและเป็นธรรม

- ให้ความสำคัญกับมาตรฐานการผลิต

- มีการดำเนินงานอย่างมีจริยธรรม
- การประชุมหารือและการสนทนาพูดคุยจัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกัน

- การแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะคำแนะนำในการปรับปรุงพัฒนา
ชุมชน สังคม- ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมทางสังคมที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม

- การจ้างงาน
- จ้างแรงงานท้องถิ่นในจังหวัดที่มีร้านสาขา

- ส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสังคมชุมชน
- การมีส่วนร่วมกับชุมชนผ่านการจ้างงาน

- กิจกรรมของโรงเรียน และมหาวิทยาลัย

- ร้านค้าของบริษัทฯที่ตั้งอยู่ในแต่ละมหาวิทยาลัย

 

ประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืน

     บริษัทฯ คํานึงถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดําเนินธุรกิจทั้งภายในและภายนอก รวมถึงพิจารณาประเด็นที่สอดคล้องกับความคาดหวังของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม จึงได้ดําเนินกระบวนการประเมินที่สําคัญ ด้านความยั่งยืน ดังนี้

1. การระบุประเด็นที่สำคัญ2. จัดลำดับประเด็นที่สำคัญ3. การทบทวนประเด็นและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
บริษัทฯ รวบรวมประเด็นที่สำคัญด้านความยั่งยืนโดยพิจารณาตามกรอบการดำเนินงานของบริษัทฯ และผู้มีส่วนได้เสียรวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องการเปลี่ยนแปลงของบริษัทฯนำประเด็นความยั่งยืนที่รวบรวมมาผ่านการคัดกรองและลำดับประเด็นความสำคัญต่างๆตามสิ่งที่มีผลกระทบต่อบริษัทฯและผู้มีส่วนได้เสียเพื่อจัดทำตารางระดับความสำคัญประเด็นความยั่งยืนที่ผ่านการคัดกรองและจัดลำดับประเด็นความสำคัญโดยคำนึงถึงผลกระทบที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสียทั้งในแง่เศรษฐกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม


 

ด้านสิ่งแวดล้อม
1. นำเสนอสินค้าและบริการที่มีคุณภาพ
2. การบริหารจัดการพลังงาน
3. การบริหารจัดการขยะ
ด้านสังคม
4. การดูแลสุขอนามัยและความปลอดภัยของพนักงาน
5. การพัฒนาศักยภาพของพนักงาน
6. การเข้าถึงสินค้าและบริการ
7. พัฒนาชุมชนและสังคม
ด้านเศรษฐกิจ
8. ผลประกอบการที่ดี มั่นคง
9. การบริการที่ดีและสร้างสรรค์ประสบการณ์ให้ลูกค้า
10. ความคาดหวังของลูกค้าและความพึงพอใจ

  

การจัดการด้านความยั่งยืนในมิติสิ่งแวดล้อม
บริษัทฯ ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ จึงให้ความสำคัญกับการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการปลูกฝังจิตสำนึกให้กับพนักงานด้วยการให้ความรู้ผ่านการสื่อสาร และการรณรงค์ ให้พนักงานรู้จักถึงวิธีการจัดการสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น เช่น การประหยัดน้ำ ประหยัดไฟ การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า และบริษัทฯ ได้ยึดหลักปฏิบัติเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ดังนี้

  1. คัดเลือกสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และปลอดภัยต่อลูกค้า
    จากการที่บริษัทฯ เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า Apple มีสัดส่วนรายได้จากสินค้า Apple กว่า 90% ซึ่งผลิตภัณฑ์ Apple ผลิตจากวัสดุรีไซเคิล และวัสดุหมุนเวียน สร้างจากพลังงานสะอาดจากผู้ผลิตที่ใช้ไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ตลอดจนการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ใช้พลังงานน้อยลง

  2. ดูแลป้องกันมิให้การดำเนินงานของบริษัทฯ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนสังคมและสิ่งแวดล้อม
    บริษัทฯได้ดำเนินการให้มีการแยกขยะและจัดเก็บในที่พักขยะโดยแยกเป็นขยะย่อยสลายขยะทั่วไปขยะรีไซเคิลและขยะอันตรายเพื่อเป็นการรักษาสิ่งแวดล้อมบริเวณใกล้เคียงและให้เจ้าหน้าที่จัดเก็บได้เห็นขยะแต่ละประเภทได้อย่างชัดเจน

    นอกจากนั้นจากการที่บริษัทฯเป็นตัวแทนศูนย์บริการ Apple อะไหล่เสียที่ผ่านการเปลี่ยนให้กับลูกค้าจะถูกส่งกลับไปยัง Apple เพื่อทำลายอย่างถูกวิธี

    ในปี 2567 บริษัทฯ จัดการขยะอิเล็กทรอนิกส์ และเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคล โดยส่งทําลายกับบริษัทที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 9001 , ISO 14001 และ ISO 27001เพื่อกระบวนการการทําลายอย่างเหมาะสมถูกต้อง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยทําลายขยะอิเล็กทรอนิกส์ 466.80 กิโลกรัม และทําลายเอกสารที่มีข้อมูลส่วนบุคคล 888.40 กิโลกรัม สามารถลดก๊าซเรือนกระจกได้ 5,040.37 kgco2/eq

  3. ปลูกฝังแนวคิดเรื่องความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมแก่พนักงาน เพื่อให้เกิดความเข้าใจถึงความสำคัญของการดูแลสิ่งแวดล้อม โดยจัดให้มีการฝึกอบรมพนักงานในด้านสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อมดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปี 2567 พนักงานของบริษัทฯ ได้อบรมหัวข้อเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม จำนวน 2.39 ชม.
  • การลดการใช้พลังงาน
         
    บริษัทฯ ได้มีกิจกรรมรณรงค์เพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าเพื่อลดการใช้พลังงาน โดยกระตุ้นให้พนักงานมีส่วนร่วมในการลดการใช้พลังงานจากกระบวนการปฏิบัติงานของตนเองผ่านสื่อต่างๆ ของบริษัท เช่น การปิดไฟและถอดปลั๊กหลังเลิกใช้อุปกรณ์ไฟฟ้า ปิดเครื่องปรับอากาศในช่วงเวลาพักกลางวันลดเวลาชั่วโมงของการเปิดเครื่องปรับอากาศ ปรับอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสม ตรวจสอบและทำความสะอาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เครื่องใช้ไฟฟ้าสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ใช้หลอดประหยัดพลังงานทั้งในร้านสาขาและออฟฟิศสำนักงานใหญ่ จัดประชุมทางไกลผ่าน Video conference เพื่อทดแทนการเดินทางไปประชุม เป็นต้น บริษัทฯ ได้จัดเก็บข้อมูลการใช้ไฟฟ้าและน้ำ ในปี 2567 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการลดการใช้พลังงาน ดังนี้ สถานที่


  • การลดการใช้ทรัพยากร

    บริษัทฯ ได้ดำเนินการ และจัดกิจกรรมด้านต่างๆ เพื่อส่งเสริมการลดใช้ทรัพยากรหรือการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ได้แก่

    - บริษัทฯ ใช้ถุงกระดาษและถุงผ้าใส่สินค้าให้ลูกค้าแทนการใช้ถุงพลาสติก โดยในปี 2567 สามารถลดการใช้ถุงพลาสติกได้ 332,048 ใบ

    - เลือกใช้เครื่องถ่ายเอกสารที่ได้รับเครื่องหมายรับรองฉลากเขียวและใช้ตลับหมึกพิมพ์ ที่ผ่านการรับรองคุณสมบัติตามข้อกําหนดด้านสุขภาพ ความปลอดภัย และคุ้มครองสิ่งแวดล้อม

    - คัดแยกขยะ เพื่อให้ง่ายต่อการนําขยะบางประเภทกลับมาใช้ใหม่ เช่น กระดาษ กล่องกระดาษบรรจุภัณฑ์สินค้า พลาสติก เพื่อเป็นการลดปริมาณขยะที่ต้องกําจัด โดยในปี 2567 คัดแยกขยะได้ 8,185 กิโลกรัม

    - จัดการสินค้าล้าสมัยและเสื่อมสภาพ โดยจําหน่ายซากให้กับร้าน Recycle ทดแทนการทิ้งทําลายไปเฉยๆ

    - ใช้ระบบ E-Tax ในการออกใบกํากับภาษี ทําให้ลดปริมาณการใช้กระดาษอย่างน้อย 592,699 ใบ สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้ 2,725.30 kgco2/eq
การจัดการด้านความยั่งยืนในมิติสังคม
  • บริษัทฯ เล็งเห็นคุณค่าและความสำคัญของพนักงาน โดยเชื่อมั่นว่าพนักงานที่มีคุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งต่อการนำพาองค์กรสู่ความเจริญเติบโตและความสำเร็จที่ยั่งยืน พร้อมกับให้ความสำคัญในการดำเนินธุรกิจภายใต้การกำกับกิจการที่ดีและยึดหลักจริยธรรมควบคู่ไปกับการมีสำนึกรับผิดชอบต่อสังคม โดยคำนึงถึงผู้ที่มีส่วนได้เสีย ที่เกี่ยวข้องทั้งภายในและภายนอกองค์กร ตั้งแต่ผู้ถือหุ้น ลูกค้า ตลอดจนสังคมวงกว้าง

    - การดูแลและพัฒนาบุคลากร
         
    บริษัทฯมีนโยบายในการเสริมสร้างและพัฒนาบุคลากรให้เป็นผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการทำงานมีจรรยาบรรณและจริยธรรมในการปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต

    ในปี 2567 บริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดให้ผู้บริหารและพนักงานได้รับการฝึกอบรม ทั้งการจัดอบรมภายในและภายนอกบริษัทฯ โดยในปี 2567 ผู้บริหารและพนักงานได้รับการฝึกอบรม คิดเป็นร้อยละ 53.43 ของลูกจ้างเฉลี่ยในระหว่างปี ซึ่งครบตามสัดส่วนหรือมากกว่าร้อยละ 50 ของลูกจ้างเฉลี่ย และมีจำนวนชั่วโมงฝึกอบรมพนักงานทั้งหมด 66 ชั่วโมงต่อปี คิดเฉลี่ยเป็น 6 ชั่วโมง/คน/ปี

    นอกจากนั้น บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการวางแผนสืบทอดตำแหน่ง ได้เตรียมความพร้อมในการพัฒนาศักยภาพพนักงานที่จะดำรงตำแหน่งผู้บริหาร โดยการจัดให้มีการอบรมหลักสูตร Leadership กับพนักงานกลุ่ม Talent

    - ความปลอดภัยชีวอนามัย

    บริษัทฯ มีนโยบายที่มุ่งเน้นในเรื่องคุณภาพชีวิตในการทํางานของพนักงานและปฏิบัติกับพนักงานอย่างเท่าเทียมกัน ตลอดจนมีการดูแลและสร้างสภาพแวดล้อมในการทํางานที่ดี และคำนึงถึงสวัสดิภาพของพนักงานให้เกิดความปลอดภัย จึงจัดให้มีการประกันชีวิตและประกันสุขภาพพนักงาน กองทุนสํารองเลี้ยงชีพ และตรวจสุขภาพประจำปีให้กับพนักงานทุกคน และบริษัทฯ ยังได้ร่วมกับธนาคารพาณิชย์ จัดให้มีสวัสดิการสินเชื่ออัตราพิเศษสำหรับพนักงาน ตลอดจนมีการดูแลและสร้างสภาพแวดล้อมในการทํางานที่ดี และคำนึงถึงสวัสดิภาพของพนักงานให้เกิดความปลอดภัย จากข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุ การหยุดงาน ในปี 2567 พบว่าสถิติการเกิดอุบัติเหตุเท่ากับศูนย์

    การเคารพสิทธิมนุษยชน

    บริษัทฯ ยึดหลักความเสมอภาคและความเท่าเทียมกันในเรื่องของสิทธิมนุษยชน และนำมาใช้เป็นแนวความคิดหลัก ในการขับเคลื่อนองค์กร โดยให้ความสำคัญกับพนักงานทุกระดับอย่างเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติต่อบุคคลหนึ่งบุคคลใด เนื่องจากเชื้อชาติ ศาสนา เพศ อายุ สถานภาพการสมรส ความทุพพลภาพ และไม่มีนโยบายการจ้างแรงงานเด็ก และแรงงานผิดกฎหมายโดยเด็ดขาด ซึ่งบริษัทฯ ได้จัดทำแนวปฏิบัติไว้ในคู่มือจริยธรรมและจรรยาบรรณธุรกิจในส่วนความรับผิดชอบต่อพนักงาน โดยในปี 2567 บริษัทฯไม่มีข้อพิพาทแรงงานหรือมีประเด็นที่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน

    การปฏิบัติต่อแรงงานอย่างเป็นธรรม

    บริษัทฯตระหนักอยู่เสมอว่าพนักงานเป็นทรัพยากรที่สำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยขับเคลื่อนและนำพาบริษัทฯไปสู่ความสำเร็จของการบรรลุเป้าหมายของบริษัทฯจึงให้การดูแลและปฏิบัติตามกฎหมายตลอดจนการปฏิบัติที่เป็นธรรมทั้งในด้านโอกาสผลตอบแทนการแต่งตั้งโยกย้ายและการพัฒนาศักยภาพโดยยึดหลักปฏิบัติดังนี้

    (1) ปฏิบัติต่อพนักงานด้วยความสุภาพและให้เกียรติ
    (2) ให้ผลตอบแทนที่เป็นธรรมต่อพนักงาน
    (3) ดูแลรักษาสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพนักงานอยู่เสมอ
    (4) การแต่งตั้งและโยกย้าย รวมถึงการให้รางวัลและการลงโทษพนักงาน กระทำด้วยความสุจริตใจ และตั้งอยู่บนพื้นฐานของความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสมของพนักงานนั้น
    (5) ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความรู้ความสามารถของพนักงาน
    (6) ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพนักงานอย่างเคร่งครัด
    (7) หลีกเลี่ยงการกระทำใดๆที่ไม่เป็นธรรมซึ่งอาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงในหน้าที่การงานของพนักงานหรือคุกคามและสร้างความกดดันต่อสภาพจิตใจของพนักงาน

    -  การจ้างงานคนพิการ

    บริษัทฯ มีนโยบายไม่เลือกปฏิบัติและให้โอกาสที่เท่าเทียมกันในการจ้างงาน โดยมีการจ้างงานคนพิการตามกฎหมาย การจ้างงานคนพิการ รวมถึงสนับสนุน และส่งเสริมให้คนพิการได้ทํางานเท่าเทียมกับคนปกติในตําแหน่งที่สามารถทําได้ โดยในปี 2567 พนักงานผู้พิการของบริษัทฯ มีทั้งสิ้น 6 คน คิดเป็นร้อยละ 1.17 ของพนักงานประจํา ทั้งหมดซึ่งบริษัทฯ มีการจ้างงาน คนพิการสูงกว่าที่พระราชบัญญัติส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ พ.ศ. 2550 ที่กําหนดไว้ร้อยละ 1.0


สถิติด้านพนักงานปี 2567

- การประกอบกิจการด้วยความเป็นธรรม

บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจและบริหารงานอย่างมีจรรยาบรรณ โดยคณะกรรมการได้จัดให้มีคู่มือจริยธรรมและจรรยาบรรณธุรกิจ สำหรับกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน บริษัทฯ ให้ยึดถือเป็นแนวปฏิบัติในการทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต มีคุณภาพ คุณธรรม และเป็นธรรม โดยครอบคลุมในเรื่องของการดูแล ผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ได้แก่ ผู้ถือหุ้น พนักงาน ลูกค้า คู่แข่ง คู่ค้า เจ้าหนี้ โดยได้เปิดเผยจริยธรรมธุรกิจดังกล่าวไว้บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ https://www.spvi.co.th/code-of-conduct


- การต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น
     
บริษัทฯ ตระหนักถึงความสำคัญของการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม โดยยึดมั่นในหลักบรรษัทภิบาลที่ดี มีความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และปลอดคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ คณะกรรมการได้กำหนดนโยบายและแนวทางปฏิบัติการต่อต้านคอร์รัปชั่น ที่ครอบคลุมถึงประเด็นต่างๆ คือ การให้ของขวัญและค่าใช้จ่ายการเลี้ยงรับรอง การสนับสนุนกิจกรรมทางการเมือง ความสัมพันธ์ทางธุรกิจและการจัดซื้อจัดจ้างกับภาครัฐ การแจ้งเบาะแสการกระทำผิดหรือข้อร้องเรียน รวมทั้งกระบวนการในการจัดการกับเรื่องที่ถูกร้องเรียน และคุ้มครองผู้แจ้งเรื่องร้องเรียนและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ นำไปใช้เป็นแนวทางการปฏิบัติในการต่อต้านคอร์รัปชั่น

- ความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค

บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจและความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี รวมทั้งรักษาสัมพันธภาพที่ดีมุ่งเน้นการทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์และเป็นธรรมโดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้

  1. มุ่งมั่นที่จะจัดหาสินค้า และพัฒนาบริการให้มีความทันสมัยอยู่เสมอเพื่อสนองความต้องการของลูกค้า
  2. จำหน่ายสินค้าและบริการที่มีคุณภาพให้กับลูกค้าในราคาที่เป็นธรรม
  3. ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ลูกค้า โดยไม่มีการกล่าวเกินความเป็นจริงอันเป็นเหตุให้ลูกค้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณภาพปริมาณหรือเงื่อนไขใดๆ ของสินค้าหรือบริการนั้นๆ
  4. จัดให้มีบริการหลังการขายเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

     จากการที่บริษัทฯ มีศูนย์บริการลูกค้าที่ได้รับแต่งตั้งเป็น Authorized Apple Service Provider จาก Apple จะได้รับการประเมินความพึงพอใจของลูกค้าเป็นประจำทุกเดือน โดยปี 2566 บริษัทฯ มีผลความพึงพอใจของลูกค้าเฉลี่ยร้อยละ 91.89

- การร่วมพัฒนาชุมชนหรือสังคม

บริษัทฯตระหนักอยู่เสมอว่าบริษัทฯอยู่รอดและเติบโตได้ก็ด้วยอาศัยสังคมและส่วนรวมดังนั้นเพื่อธำรงรักษาไว้ซึ่งสังคมและส่วนรวมที่ดีบริษัทฯจึงได้ยึดหลักปฏิบัติดังนี้

  1. มีส่วนร่วมทางสังคมในการให้การสนับสนุนกิจกรรมทางด้านการศึกษาการพัฒนาความรู้แก่ทุกเพศทุกวัย
  2. ดำเนินธุรกิจที่ไม่ขัดต่อขนบธรรมเนียม และจารีตประเพณีอันดีงาม หรือไม่เกิดความเสียหายต่อสังคม

นอกจากนั้นในปี 2567 บริษัทฯ ยังคงจัดกิจกรรมสนับสนุนโครงการด้านการศึกษาอย่างต่อเนื่อง ทั้งสำหรับอาจารย์ในมหาวิทยาลัย และบุคลากรทางด้านการศึกษา ตลอดจนเยาวชนและผู้ปกครอง อันได้แก่

- โครงการ Learning with iPad เพื่อให้ครูสามารถใช้ iPad ประยุกต์ในการสอนกับโรงเรียน และนักเรียนใช้ iPad ประกอบการเรียน กับโรงเรียนลาซาลโชติรวีนครสวรรค์ โรงเรียนสิรินธรราชวิทยาลัย โรงเรียนสันทรายวิทยาคม โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัยชลบุรี โรงเรียนตาคลีประชาสรรค์ โรงเรียนธัญรัตน์ และโรงเรียนธัญญสิทธิศิลป์ เป็นต้น

- โครงการ Learning with Mac เพื่อให้ครูสามารถใช้ Mac ประยุกต์ในการสอนกับโรงเรียนหาดใหญ่วิทยาลัย

     นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังได้เข้าร่วมสนับสนุนโครงการของมูลนิธิสร้างเสริมไทย ซึ่งดำเนินกิจกรรมต่างๆ เพื่อส่งเสริมและผลักดันให้เกิดภูมิปัญญา ได้แก่ โครงการ "การ์ดนี้เพื่อน้อง" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นเวทีให้เด็กพิการและด้อยโอกาส ได้แสดงความสามารถให้สังคมได้รับรู้ด้วยการถ่ายทอดความฝัน ความหวังและจินตนาการที่มีผ่านปลายพู่กัน รวมทั้งเข้าร่วมบริจาคกับสภากาชาดไทย

    บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการ SET Social Impact Gym 2024 ภายใต้แนวคิด  "จากปลูก สู่ปาก  ซึ่งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (maiA) ร่วมกันจัดทำโครงการเพื่อพัฒนาศักยภาพในการทำธุรกิจ ให้แก่นักธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise : SE) ให้ดำเนินธุรกิจอย่างเข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ ด้วยมุ่งหวังให้ผู้ประกอบการเพื่อสังคมมีส่วนร่วมในการดูแลและแก้ไขปัญหาสังคมครอบคลุมมิติต่าง ๆ เช่น ด้านพัฒนาชุมชนและการเกษตร ด้านสุขภาพ ด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมขยายผลลัพธ์ทั้งทางธุรกิจและสังคมควบคู่กันได้อย่างยั่งยืน โดยคุณไตรสรณ์ วรญาณโกศล กรรมการผู้จัดการ ได้ร่วมเป็นโค้ชจิตอาสาให้แก่ บริษัท คิท ฟอร์เวิร์ด จำกัด ด้วยระยะเวลา 9 สัปดาห์ รวมทั้งหมด 27.50 ชม.

    บริษัท คิท ฟอร์เวิร์ด จำกัด เป็นธุรกิจเพื่อสังคมที่ทำงานและแก้ไขปัญหาด้านการพัฒนาชุมชนและการเกษตร ให้บริการจัดการฟาร์มผักออร์แกนิกด้วยระบบสมาร์ทฟาร์มที่มีเทคโนโลยี loT มาเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการฟาร์มและลดต้นทุนการผลิต พร้อมกับควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพ ควบคู่ดูแลกระบวนการปลูกจนถึงมือผู้บริโภค สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคว่าผักที่ได้รับจะมีคุณภาพและปลอดภัยอย่างแท้จริง ยังสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ในทุกขั้นตอนการผลิตซึ่งช่วยให้เกษตรกรสามารถควบคุมการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างต่อเนื่อง โดยคุณไตรสรณ์ วรญาณโกศล เข้ามาให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะแบบเจาะลึกโมเดลธุรกิจ มุ่งเน้นด้านการวางแผนธุรกิจ และการศึกษาผู้บริโภค การสร้างเครือข่ายพันธมิตร ควบคู่กับการพัฒนาองค์ความรู้ผ่านการวิจัยและพัฒนาระบบเทคโนโลยี รวมถึงการแนะนำและการประยุกต์ใช้ในการสร้างแบรนด์และการตลาด เพื่อพัฒนาธุรกิจให้ยั่งยืนในอนาคต

การจัดการด้านความยั่งยืนในมิติเศรษฐกิจ
  •     บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส เป็นธรรมตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และให้ความสำคัญด้านเศรษฐกิจผ่านการสร้างประสบการณ์ที่ดีในการใช้สินค้าและบริการ ผ่านร้านค้าของบริษัทฯ ที่จะมีสินค้า Demo ให้ลูกค้าได้ทดลองใช้งาน รวมทั้งลูกค้าสามารถเข้าร่วมเรียนรู้พร้อมทดลองการใช้งานคุณสมบัติอื่นๆ ของสินค้ากับเจ้าหน้าที่สาธิตสินค้าได้ที่ร้าน iStudio by spvi โดยลูกค้าสามารถตรวจสอบตารางการสาธิตได้ล่วงหน้าที่ https://www.istudiobyspvi.com/demo-workshop นอกจากนั้นยังมีเวิร์กช็อปกับผู้เชียวชาญในด้านต่างๆ กับกิจกรรม Yes i Can WORKSHOP เป็นประจำทุกเดือน

รายงานการกำกับดูแลกิจการ

หมวดที่ 1 สิทธิของผู้ถือหุ้น

หมวดที่ 1 สิทธิของผู้ถือหุ้น
 
บริษัทฯ ตระหนักและให้ความสำคัญในสิทธิพื้นฐานต่างๆ ของผู้ถือหุ้น ได้แก่ สิทธิการซื้อขายหรือโอนหุ้น สิทธิในการที่จะได้รับส่วนแบ่งกำไรของกิจการ สิทธิในการได้รับข้อมูลข่าวสารของกิจการอย่างเพียงพอ สิทธิในการเข้าร่วมประชุมเพื่อใช้สิทธิออกเสียงในที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการ แต่งตั้งผู้สอบบัญชี และเรื่องที่มีผลกระทบต่อบริษัทฯ เช่น การจัดสรรเงินปันผล การกำหนดหรือการแก้ไขข้อบังคับและหนังสือบริคณห์สนธิ การลดทุนหรือเพิ่มทุน เป็นต้น
     
นอกเหนือจากสิทธิพื้นฐานต่างๆ ข้างต้นแล้ว บริษัทฯ ยังได้ดำเนินการในเรื่องต่างๆ ที่เป็นการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้นเพิ่มเติม ดังนี้
 

ก่อนการประชุม

  1. เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นส่วนน้อยสามารถเสนอวาระการประชุมและเสนอชื่อบุคคลเพื่อรับพิจารณาเลือกตั้งเป็นกรรมการได้ล่วงหน้า ตั้งแต่วันที่ 1-31 ธันวาคม 2566 โดยได้ประกาศและเผยแพร่หลักเกณฑ์และวิธีการเสนอผ่านเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์และเว็บไซต์บริษัทฯ ทั้งนี้ เมื่อถึงกำหนดการปิดรับ ปรากฎว่าไม่มีผู้ถือหุ้นเสนอเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

  2. จัดทำหนังสือเชิญประชุม และเอกสารประกอบแก่ผู้ถือหุ้นล่วงหน้า รวมทั้งเปิดเผยในเว็บไซต์ของบริษัทฯ ที่ www.spvi.co.th/investor-relations/ ล่วงหน้า 30 วันก่อนวันประชุม นอกจากนี้ได้จัดส่งชุดเอกสารให้ผู้ถือหุ้นล่วงหน้า 21 วันก่อนวันประชุม เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้ศึกษาข้อมูลประกอบการประชุม

 

หนังสือเชิญประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ มีข้อมูลที่ถูกต้อง เพียงพอ และชัดเจน ดังนี้

  • หนังสือเชิญประชุมแต่ละวาระ ระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นเรื่องที่เสนอเพื่อทราบหรือเพื่อพิจารณา รวมทั้งข้อเท็จจริงและเหตุผล ความเห็นของคณะกรรมการ
  • แนบแบบฟอร์มลงทะเบียนที่มีหมายเลขบาร์โค้ดไปพร้อมกับหนังสือเชิญประชุม เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการลงทะเบียนให้กับผู้ถือหุ้น
  • แนบหนังสือมอบฉันทะทั้ง 3 แบบคือ แบบ ก. ข. และ ค. เพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถเลือกใช้ตามแบบที่เหมาะสม
  • สําเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นครั้งก่อน
  • ข้อมูลของผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อเพื่อเลือกตั้งเป็นกรรมการบริษัท โดยระบุรายละเอียด ได้แก่ ชื่อ-นามสกุล อายุ ประวัติการศึกษา ประวัติการทํางาน ประวัติการอบรมจัดโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย (IOD) ประเภทของกรรมการที่เสนอ วันเริ่มต้นดํารงตําแหน่งในบริษัท
  • ข้อมูลของกรรมการผู้รับมอบฉันทะจากผู้ถือหุ้น ซึ่งมี 2 ท่านและทุกท่านเป็นกรรมการอิสระเพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถพิจารณามอบฉันทะให้เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทน
  • ข้อบังคับของบริษัทฯ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการประชุมผู้ถือหุ้น
  • แผนที่แสดงสถานที่สําหรับประชุมสําหรับการเดินทางโดยรถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถประจําทาง
     
ในวันประชุมผู้ถือหุ้น

  1. บริษัทฯ จัดประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจําปี ในวันที่ 4 เมษายน 2567 ณ ห้องประชุมเอสิค ชั้น 31 อาคารเอ็ม เอส สยามทาวเวอร์ ถนนพระราม 3 แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพฯ ซึ่งมีห้องประชุมที่มีขนาดเหมาะสม สามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้อย่างเพียงพอ และเปิดรับลงทะเบียนก่อนเริ่มประชุมล่วงหน้าเป็นเวลา 2 ชั่วโมงเพื่อให้เจ้าหน้าที่รับลงทะเบียนมีเวลาพอเพียงต่อการตรวจสอบเอกสารของผู้ถือหุ้นที่มาประชุมด้วยตนเองและผู้รับมอบฉันทะ เพื่อให้การลงทะเบียนเป็นไปอย่างถูกต้องและรวดเร็ว บริษัทฯ ได้จัดเจ้าหน้าที่และโต๊ะลงทะเบียนในจํานวนที่เหมาะสมและเมื่อลงทะเบียนเสร็จแล้วผู้ถือหุ้นจะได้รับบัตรลงคะแนนในแต่ละวาระเพื่อใช้ลงคะแนนในห้องประชุม

  2. ก่อนเริ่มการประชุม เลขานุการที่ประชุมชี้แจงวิธีการออกเสียงลงคะแนนตามข้อบังคับของบริษัทฯ โดยผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทฯ ได้รับสิทธิในการลงคะแนนหนึ่งหุ้นต่อหนึ่งเสียง ซึ่งการลงคะแนนและนับคะแนนเป็นไปอย่างเปิดเผยโดยบริษัทฯ ได้นําระบบบาร์โค้ดมาใช้ในการนับคะแนนเสียง ซึ่งช่วยให้ขั้นตอนการประมวลผลคะแนนเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยํา และเมื่อทราบผลการลงคะแนนเสียงในแต่ละวาระ บริษัทฯ ได้แสดงผลดังกล่าวขึ้นหน้าจอภาพให้ผู้ถือหุ้นทราบโดยแบ่งเป็นคะแนนเสียงที่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย และงดออกเสียง

  3. ประธานกรรมการตรวจสอบ กรรมการตรวจสอบ กรรมการอิสระ กรรมการ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการของบริษัทฯ ได้ให้ความสําคัญต่อการประชุมผู้ถือหุ้นเป็นอย่างมากโดยเข้าร่วมประชุม และบริษัทฯ ยังได้เชิญผู้สอบบัญชี และที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทฯ เข้าร่วมประชุมด้วยเพื่อให้ข้อมูลหรือ ตอบข้อซักถามของผู้ถือหุ้นอย่างเต็มที่

  4. สําหรับผู้ถือหุ้นที่มาเข้าร่วมประชุมหลังจากที่บริษัทฯ ได้เริ่มดําเนินการประชุมไปแล้วนั้น ยังสามารถเข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนนได้ในระเบียบวาระที่อยู่ระหว่างการพิจารณาและยังไม่ได้ลงมติ

  5. การประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ดําเนินไปตามวาระที่กําหนดไว้ตามลําดับและไม่มีการพิจารณาวาระอื่นใดนอกเหนือจากที่ได้ กําหนดไว้ในหนังสือเชิญประชุม

  6. ประธานที่ประชุมมอบหมายให้เลขานุการบริษัทฯ แจ้งผลคะแนนแต่ละวาระและมติของที่ประชุมให้ผู้ถือหุ้นทราบภายในช่วงการจัดประชุมทันที โดยไม่มีผู้ถือหุ้นท่านใดยกมือคัดค้านหรือไม่เห็นด้วยกับมตินั้น

 

การดําเนินการภายหลังการประชุมผู้ถือหุ้น

  1. บริษัทฯ ได้เปิดเผยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นพร้อมผลการลงคะแนนภายในวันเดียวกันผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

  2. เลขานุการบริษัทฯ ได้จัดทํารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นและจัดส่งรายงานการประชุมให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและเผยแพร่รายงานการประชุมดังกล่าวไว้บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ ภายใน 14 วัน หลังจากวันประชุม

หมวดที่ 2 การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน
บริษัทฯ ให้ความสําคัญและตระหนักในสิทธิของผู้ถือหุ้นทุกราย ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้บริหารหรือผู้ถือหุ้นที่ไม่เป็นผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือแม้แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อย จึงไม่กระทําการใดๆ ที่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติหรือก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นภายใต้ข้อกําหนดของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้ดําเนินการดังนี้
 

1. การประชุมผู้ถือหุ้น

  • บริษัทฯ ได้จัดส่งหนังสือมอบฉันทะทั้งสามแบบให้กับผู้ถือหุ้นทุกคน เพื่อให้ผู้ถือหุ้นสามารถเลือกใช้ในแบบที่ตรงกับความต้องการมากที่สุด
  • ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นไม่สามารถเข้ามาเข้าร่วมการประชุมได้ บริษัทฯ ได้เสนอชื่อกรรมการอิสระและกรรมการตรวจสอบ จํานวน 2 คน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ถือหุ้นในการพิจารณามอบฉันทะให้กรรมการคนใดคนหนึ่งเข้าประชุม และออกเสียงลงคะแนนแทน

2. การดําเนินการเกี่ยวกับกรรมการและผู้บริหาร

บริษัทฯ กําหนดแนวทางในการป้องกันการใช้ข้อมูลภายในอย่างเคร่งครัดโดยกําหนดไว้เป็น ลายลักษณ์อักษร โดยดำเนินการดังนี้

  • แจ้งกฎเกณฑ์ และนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการใช้ข้อมูลภายในให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานได้รับทราบ เพื่อให้มั่นใจว่ากฎเกณฑ์ และนโยบายดังกล่าวเป็นที่รับทราบ และปฏิบัติตาม
  • กรรมการ และผู้บริหาร งดทำการได้มาหรือจำหน่ายไป ซึ่งหลักทรัพย์ของบริษัทในช่วงก่อนเปิดเผยงบการเงินต่อสาธารณชน 30 วัน โดยเลขานุการบริษัทฯ จะแจ้งให้กรรมการ และผู้บริหารได้ทราบช่วงเวลาการห้ามซื้อขาย (Silent Period)
  • กำหนดบุคคลที่มีตำแหน่งหรือหน้าที่ซึ่งสามารถล่วงรู้ หรือครอบครองข้อมูลภายในได้มากกว่าพนักงานทั่วไปให้ถือว่าเป็นกลุ่มบุคคลที่มีความสุ่มเสี่ยง จึงห้ามซื้อขาย โอน และรับโอนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ในช่วงเวลา 30 วัน ก่อนการเปิดเผยงบการเงินประจำไตรมาสและประจำปี (Black out Period) รวมทั้งให้มีการรายงานการถือครองและการเปลี่ยนแปลงหลักทรัพย์ของตนเอง คู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ต่อเลขานุการบริษัทฯ ทุกครั้ง ภายใน 3 วันทำการ นับแต่วันที่มีการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

บริษัทฯ กำหนดมาตรการป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นจากการทำรายการระหว่างกันของบริษัทฯ และบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง

  • กรรมการและผู้บริหารต้องรายงานให้บริษัทฯ ทราบถึงการมีส่วนได้เสียของตนหรือของบุคคลที่มีความเกี่ยวข้อง กรณีเป็นส่วนได้เสียที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการกิจการของบริษัทหรือบริษัทย่อย
  • กรรมการและผู้บริหารมีส่วนได้เสียในเรื่องใดจะไม่เข้ามีส่วนในการอนุมัติรายการดังกล่าว
  • กรรมการและผู้บริหารแจ้งการเปลี่ยนแปลงการมีส่วนได้เสีย โดยเลขานุการบริษัทรายงานให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทรับทราบทุกไตรมาส
  • รายการระหว่างกันที่เกิดขึ้นในรอบปี 2567 เป็นรายการที่เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรม และเป็นไปตามธุรกิจปกติการค้า
หมวดที่ 3 การคํานึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย
บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียและปฏิบัติอย่างเป็นธรรมต่อผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย โดยมีรายละเอียดดังนี้

  • พนักงาน : บริษัทฯ ยึดถือแนวทางการปฏิบัติ ต่อพนักงานด้วยความเป็นธรรม ทั้งในด้านโอกาสผลตอบแทน การแต่งตั้ง โยกย้าย ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพ ให้ความเคารพต่อความเป็นปัจเจกชนและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ไม่เกี่ยวข้องกับการละเมิดสิทธิมนุษยชน ดูแลรักษาสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของพนักงาน

  • คู่ค้าและเจ้าหนี้ : บริษัทฯ ยึดถือแนวทางการปฏิบัติที่ดีตามเงื่อนไขทางการค้าและ/หรือข้อตกลง อย่างเป็นธรรมต่อคู่ค้าและเจ้าหนี้ ไม่ว่าจะเป็นการชำระหนี้ตรงตามเวลา การดูแลคุณภาพหลักทรัพย์ค้ำประกัน และเรื่องอื่นใด ที่ได้ให้ข้อตกลงไว้กับเจ้าหนี้ ในกรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขได้บริษัทฯ จะรีบแจ้งให้เจ้าหนี้ทราบโดยเร็ว เพื่อร่วมกันพิจารณาหาแนวทางแก้ไข โดยใช้หลักความสมเหตุสมผล

  • ลูกค้า : บริษัทฯ มุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจและความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดี รวมทั้งรักษาสัมพันธภาพที่ดี มุ่งเน้นการทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์และเป็นธรรม
ในปี 2567 ร้าน iStudio และ iBeat ของบริษัทฯ ได้รับการสุ่มตรวจสอบจาก Mystery Shopper จากภายนอกอย่างสม่ำเสมอ และบริษัทฯ ยังได้รับการประเมินความพึงพอใจของลูกค้าศูนย์บริการ iCenter ซึ่งดำเนินการประเมินโดย Apple เป็นประจำทุกเดือน พบว่าความพึงพอใจโดยรวมแต่ละสาขาไม่น้อยกว่า ร้อยละ 91 ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับทราบข้อบกพร่อง แล้วนําไปปรับปรุงแก้ไข เพื่อยกระดับคุณภาพบริการให้กับลูกค้าให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

  • คู่แข่ง : บริษัทฯ ปฏิบัติต่อคู่แข่งทางการค้าให้สอดคล้องกับหลักสากลภายใต้กรอบแห่งกฎหมายเกี่ยวกับหลักปฏิบัติการแข่งขันทางการค้าและยึดกติกาของการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม และไม่มีนโยบายในการแข่งขันทางการค้าโดยใช้วิธีการใดๆ ให้ได้มาซึ่งข้อมูลคู่แข่งขันอย่างผิดกฎหมายและขัดต่อจริยธรรม

  • ชุมชนและสังคม : บริษัทฯ ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่พึงมีต่อชุมชนและสังคม ทั้งการจัดกิจกรรม และเข้ามีส่วนร่วม เพื่อสาธารณะประโยชน์ และบริการสังคม เช่น กิจกรรมด้านการศึกษา เป็นต้น
 
นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังจัดให้มีนโยบายเกี่ยวกับการต่อต้านการทุจริต คอร์รัปชัน และห้ามจ่ายสินบนเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจของบริษัท รวมถึงการประเมิน ความเสี่ยง กำหนดแนวปฏิบัติเกี่ยวกับการกำกับดูแลและควบคุมดูแลเพื่อป้องกัน และติดตามประเมินผลความเสี่ยงจากการทุจริตคอร์รัปชัน และยังเน้นการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อช่วยกันตรวจสอบความโปร่งใส ในการดำเนินธุรกิจ การประพฤติ ตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดีตลอดจนแนวปฏิบัติเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน โดยผู้ที่พบเห็นการละเมิดสามารถแจ้งการพบเห็นดังกล่าวต่อคณะกรรมการบริษัท ผ่านเลขานุการบริษัทหรือแผนกตรวจสอบภายใน ทั้งนี้เรื่องที่ถูกแจ้งเข้ามาจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไปและผู้รายงานจะได้รับการคุ้มครองจากบริษัทฯ อย่างดีที่สุด

 

มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส หรือผู้ร้องเรียน

  1. บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลและตัวตนของผู้แจ้งเบาะแส หรือผู้ร้องเรียน และผู้ถูกร้องเรียน เป็นความลับ
  2. บริษัทฯ จะเปิดเผยข้อมูลเท่าที่จําเป็น โดยคํานึงถึงความปลอดภัย และความเสียหายของผู้รายงานแหล่งที่มาของข้อมูล หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
  3. ผู้ที่ได้รับความเสียหาย จะได้รับการบรรเทาความเสียหายด้วยกระบวนการที่เหมาะสม และเป็นธรรม
  4. บริษัทฯ จะไม่กระทําการใดอันไม่เป็นธรรมต่อผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ร้องเรียน ไม่ว่าจะโดยการปลี่ยนแปลงตําแหน่งงาน ลักษณะงาน สถานที่ทํางาน สั่งพักงาน เลิกจ้าง หรือกระทําการอื่นใดที่มีลักษณะเป็นการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ร้องเรียน หรือผู้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริง

ช่องทางในการแจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนการแจ้งเบาะแสการกระทําผิดหรือข้อร้องเรียน

  1. ส่งโดยตรงที่เลขานุการบริษัท
    บริษัท เอส พี วี ไอ จํากัด(มหาชน)
    เลขที่ 2 อาคารพรีเมียร์เพลซ ชั้น 3 ซอยพรีเมียร์ 2  ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250 หรือ
    ทางอีเมล์ : companysecretary@spvi.co.th

  2. ส่งโดยตรงที่แผนกตรวจสอบภายใน
    นางสาวยุพา เบญจวิกรัย
    บริษัท เอส พี วี ไอ จํากัด(มหาชน)
    เลขที่ 2 อาคารพรีเมียร์เพลซ ชั้น 3 ซอยพรีเมียร์ 2  ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250 หรือ
    ทางอีเมล์ : yupa@spvi.co.th
 

การดำเนินการเมื่อได้รับข้อร้องเรียน

     เมื่อได้รับเรื่องร้องเรียนหรือเบาะแสการกระทําผิดที่ส่งเข้ามาตามช่องทางการร้องเรียนของบริษัทฯ เลขานุการบริษัท หรือแผนกตรวจสอบภายใน ดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริง และแผนกตรวจสอบภายในทำการตรวจสอบ ก่อนนำส่งเรื่องร้องเรียนให้หัวหน้าสายงานที่เกี่ยวข้องทราบ พร้อมนำเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาต่างๆ โดยยึดหลักความโปร่งใส และเป็นธรรมแก่ผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย

     การตรวจสอบข้อเท็จจริง แผนกตรวจสอบภายใน พิจารณาจัดทำรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมความเห็นและข้อเสนอแนะ เสนอกรรมการผู้จัดการพิจารณาสั่งการตามความเหมาะสม รวมทั้ง รายงานให้คณะกรรมการตรวจสอบรับทราบ

     โดยในปี 2567 ที่ผ่านมาไม่มีการร้องเรียนที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตและคอร์รัปชัน สำหรับการร้องเรียนด้านอื่น ได้แก้ไขแล้ว ซึ่งได้ส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับทราบ

 
การอบรมและสื่อสาร

     บริษัทฯ ส่งเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจ ให้พนักงานตระหนักถึงความสำคัญของการต่อต้านทุจริต คอร์รัปชัน โดยแผนกทรัพยากรบุคคลจะสื่อสารและฝึกอบรมพนักงาน เกี่ยวกับนโยบายและแนวปฏิบัติในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน เพื่อให้ความรู้และปลูกฝังให้พนักงานทุกระดับมีจิตสำนึกในการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน
หมวดที่ 4 การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส

คณะกรรมการบริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และโปร่งใส ทั้งรายงานข้อมูลทางการเงินและข้อมูลทั่วไปตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนข้อมูลที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ซึ่งมีผลกระทบต่อกระบวนการตัดสินใจของผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ทั้งหมดได้รับทราบข้อมูลอย่างเท่าเทียมกัน โดยทำการเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศของบริษัทฯ ต่อผู้ถือหุ้นและสาธารณชนผ่านช่องทางและสื่อการเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ และเว็บไซต์ของบริษัทฯ www.spvi.co.th
 

     คณะกรรมการบริษัทฯ ตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อรายงานงบการเงินที่มีข้อมูลถูกต้อง ครบถ้วน เป็นจริง และสมเหตุสมผล งบการเงินของบริษัทฯ จัดทำขึ้นตามมาตรฐานการบัญชีที่รับรองทั่วไป โดยเลือกใช้นโยบายบัญชีที่เหมาะสมและถือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ และใช้ดุลยพินิจอย่างระมัดระวัง โดยแสดงรายงานความรับผิดชอบของคณะกรรมการต่อรายงานทางการเงินควบคู่กับรายงานของผู้สอบบัญชี ไว้ในแบบแสดงรายงานประจําปี (56-1) One Report และได้มีการเปิดเผยบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทฯ และคณะกรรมการตรวจสอบ จํานวนครั้งของการประชุมและจํานวนครั้งที่กรรมการแต่ละท่านเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในปีที่ผ่านมา นอกจากนั้นยังกำหนดให้มีการรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของกรรมการ และผู้บริหารในการประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ทุกครั้ง โดยมีข้อมูลการถือครองหลักทรัพย์ของกรรมการ และผู้บริหารบริษัทฯ ในปี 2567 ดังนี้

รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ของคณะกรรมการและผู้บริหารในรอบปีที่ผ่านมา (ข้อมูล ณ 31 ธันวาคม 2567)

บริษัทฯ จัดให้มีหน่วยงานที่ให้ข้อมูลสารสนเทศและสื่อสารกับผู้ถือหุ้น นักลงทุนตลอดจนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ ซึ่งสามารถติดต่อขอข้อมูลบริษัทตามที่อยู่ด้านล่างนี้

ทางโทรศัพท์ : 0 2559 2901-9
ทางอีเมล์ : ir@spvi.co.th
นอกจากนี้นักลงทุนยังสามารถศึกษาข้อมูลผ่านทางเว็บไซต์ www.spvi.co.th


     ในปี 2567 บริษัทฯ ได้เข้าร่วมกิจกรรมบริษัทจดทะเบียนพบนักลงทุน (Opportunity Day) รวม 4 ครั้ง ซึ่งจัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อให้ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจ และการดำเนินงานของบริษัทฯ แก่นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ นักลงทุน และสื่อมวลชน โดยเข้าร่วมกิจกรรม ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 16 พฤษภาคม 16 สิงหาคม และ 19 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งบริษัทฯ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักลงทุน ผู้ถือหุ้น และผู้ที่สนใจ

หมวดที่ 5 ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

บริษัทฯ ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน เพื่อทําหน้าที่สรรหากรรมการของบริษัทฯ เพื่อสามารถให้ความมั่นใจได้ว่าคณะกรรมการที่ทําหน้าที่ ในปัจจุบันนั้นประกอบไปด้วยบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์เป็นที่ยอมรับ และมีความเข้าใจในบทบาทหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบเป็นอย่างดี
 

โครงสร้างกรรมการ

ปัจจุบันคณะกรรมการของบริษัทฯ มีจํานวน 8 คน ประกอบด้วย
(ก) กรรมการที่เป็นผู้บริหาร (Executive Director) 2 คน
(ข) กรรมการที่มิได้เป็นผู้บริหาร (Non-Executive Director) 6 คน (รวมประธานกรรมการบริษัท) ในจำนวนนี้มีกรรมการอิสระ 3 คน

นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ยังได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการชุดต่างๆ เพื่อช่วยในการกำกับดูแลกิจการของบริษัทฯ ดังนี้

  • คณะกรรมการบริหาร : เป็นผู้กำหนดแนวทางและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริษัทฯ และเพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างคล่องตัว
  • คณะกรรมการตรวจสอบ : ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะเรื่องและเสนอเรื่องให้คณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาและรับทราบ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบมีสิทธิหน้าที่ตามที่ได้กำหนดไว้ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ ทั้งนี้ กรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 1 ท่าน จะต้องมีความรู้และประสบการณ์ด้านบัญชีเพียงพอที่จะสามารถทำหน้าที่ในการสอบทานความน่าเชื่อถือของงบการเงินของบริษัทฯ ได้
  • คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง : ปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาความเสี่ยงในเรื่องต่างๆ อาทิเช่น ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ ความเสี่ยงด้านการเงิน ความเสี่ยงด้านการตลาด เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถบริหารจัดการให้ระดับความเสี่ยงอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ รวมถึงเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป
  • คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน : ปฏิบัติหน้าที่ในการสรรหาและพิจารณา ค่าตอบแทนให้แก่กรรมการบริษัทฯ และผู้บริหารระดับสูงสุด เพื่อช่วยคณะกรรมการบริษัทฯ ในการทําให้มั่นใจว่าบริษัทฯ มีการดําเนินการเรื่องกระบวนการสรรหาและการพิจารณาค่าตอบแทนอย่างเหมาะสม
     
คณะกรรมการบริษัทฯ มีนโยบายให้ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในด้านความรับผิดชอบระหว่างการกำหนดนโยบายการกำกับดูแลและการบริหารงานประจำ ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แบ่งแยกบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบระหว่างคณะกรรมการบริษัทฯกับผู้บริหารอย่างชัดเจน โดยคณะกรรมการบริษัทฯ ทำหน้าที่ในการกำหนดนโยบายและกำกับดูแลการดำเนินงานของผู้บริหาร ขณะที่ผู้บริหารทำหน้าที่บริหารงานของบริษัทฯ ในด้านต่างๆ ให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนด

2. บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

     บริษัทฯ กำหนดให้กรรมการบริษัทฯ ปฏิบัติตามข้อพึงปฏิบัติที่ดีสำหรับกรรมการบริษัทจดทะเบียน (Code of Best Practices) ตามแนวทางของ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยคณะกรรมการต้องเข้าใจและทราบถึงบทบาทหน้าที่ และความรับผิดชอบของตน และต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบังคับของบริษัทฯ ตลอดจนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยความซื่อสัตย์สุจริตและคำนึงถึงประโยชน์ ของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นเป็นสำคัญ ทั้งนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ เป็นผู้กำหนดนโยบาย เป้าหมายการดำเนินธุรกิจ แผนธุรกิจ ตลอดจนงบประมาณของบริษัทฯ และกำกับดูแลให้ฝ่ายจัดการดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบาย แผนงาน และงบประมาณที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และผู้ถือหุ้นโดยรวม

3. การประชุมคณะกรรมการ

     บริษัทฯ มีนโยบายให้คณะกรรมการของบริษัทฯ ต้องประชุมอย่างน้อย 3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งกำหนดวันประชุมไว้ล่วงหน้าตลอดทั้งปี และอาจมีการประชุมพิเศษเพิ่มเติมตามความจำเป็น โดยการประชุมแต่ละครั้งได้มีการกำหนดวาระในการประชุมอย่างชัดเจน และมีการส่งหนังสือนัดประชุมพร้อมรายละเอียดล่วงหน้า 7 วัน เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีเวลาศึกษาข้อมูลอย่างเพียงพอก่อนเข้าร่วมประชุม รวมทั้งได้มีการจดบันทึกรายงานการประชุมเป็นลายลักษณ์อักษร และจัดเก็บรายงานการประชุมที่ผ่านการรับรองจากคณะกรรมการบริษัทฯ พร้อมให้คณะกรรมการบริษัทฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องตรวจสอบได้

     โดยในปี 2567 มีการประชุมทั้งสิ้นจำนวน 5 ครั้ง โดยกำหนดการประชุมจะถูกพิจารณา กำหนดล่วงหน้าตลอดทั้งปี เพื่อให้มั่นใจว่ากรรมการทุกท่านจะสามารถจัดสรรเวลาเข้าร่วมประชุม ได้อย่างพร้อมเพรียงกัน และจำนวนกรรมการที่เข้าร่วมประชุม ปรากฎในหัวข้อ "โครงสร้างการกำกับดูแลกิจการ"

4. การประชุมของกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร

     คณะกรรมการบริษัทฯ ได้กําหนดให้กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารประชุมร่วมกันอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยไม่มีกรรมการที่เป็นผู้บริหารเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารได้แลกเปลี่ยน ความคิดเห็นและพิจารณาประเด็นต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทฯ และเรื่องที่อยู่ในความสนใจ โดยในปี 2567 บริษัทฯ ได้จัดให้มีการประชุมดังกล่าว เพื่อพิจารณาประเมินการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัทฯ การนำหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียน ปี 2560 (CG Code) ไปปรับใช้และเรื่องอื่นๆ

5. ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร

     บริษัทฯ มีการกำหนดค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหารในระดับที่เหมาะสมและเป็นอัตราที่เพียงพอสำหรับการรักษากรรมการและผู้บริหารที่มีคุณภาพไว้โดยไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนที่มากเกินควร และอยู่ในระดับที่สามารถเทียบเคียงได้กับบริษัทในกลุ่มอุตสาหกรรมเดียวกัน ปัจจัยที่จะนำมาพิจารณา ประกอบด้วย ประสบการณ์ ภาระหน้าที่ ขอบเขตของบทบาทและความรับผิดชอบ ทั้งนี้ การจ่ายค่าตอบแทน ของกรรมการจะต้องผ่านการพิจารณาอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในส่วนของค่าตอบแทน ของผู้บริหาร จะเป็นไปตามหลักการและนโยบายที่คณะกรรมการบริษัทฯ กำหนดไว้ ซึ่งจะพิจารณาจาก ภาระหน้าที่และความรับผิดชอบ ผลการปฏิบัติงานของผู้บริหารแต่ละท่าน ประกอบกับผลการดำเนินงาน ของบริษัทฯ

6. การปฐมนิเทศกรรมการใหม่

     คณะกรรมการบริษัทฯ ได้กำหนดให้มีการปฐมนิเทศกรรมการใหม่ เพื่อสร้างความรู้ ความเข้าใจในธุรกิจ และการดำเนินการด้านต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการ ปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ

7. การพัฒนากรรมการและผู้บริหาร

     คณะกรรมการบริษัทฯ มีนโยบายส่งเสริมและอำนวยความสะดวกให้มีการฝึกอบรมและให้ความรู้แก่ผู้ที่เกี่ยวข้องในระบบการกำกับดูแลกิจการของบริษัทฯ ซึ่งรวมถึง กรรมการ กรรมการตรวจสอบ ผู้บริหาร และเลขานุการบริษัทฯ เพื่อให้มีการปรับปรุงการปฏิบัติงานงานอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2567 กรรมการ 8 ท่าน ได้เข้าอบรมหลักสูตรต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ ได้แก่

- Broadening Board's Perspective on Risk and Compliance
- ESG: Understanding & Crisis Management

8. การประเมินตนเองของคณะกรรมการ

     คณะกรรมการบริษัทฯ กำหนดให้มีการประเมินตนเองของคณะกรรมการบริษัทฯ ทั้งคณะ กรรมการแต่ละท่านและคณะกรรมการชุดย่อยแต่ละชุด เพื่อประเมินผลการปฏิบัติงาน ทังยังเป็นการทบทวน ประมวลผลข้อคิดเห็น ในประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัทและการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทฯ อันจะก่อให้เกิดการพัฒนาการกำกับดูแลกิจการ

  • การประเมินตนเองของคณะกรรมการบริษัททั้งคณะ

         คณะกรรมการบริษัทฯ ได้จัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัททั้งคณะประจำปี 2567 ซึ่งแบบประเมินครอบคลุมในเรื่องต่าง ดังนี้

    1. โครงสร้างของคณะกรรมการ
    2. การกำหนดกลยุทธ์และทิศทางบริษัท
    3. ความรับผิดชอบหน้าที่ของคณะกรรมการ
    4. การกำกับดูแลกิจการของบริษัท
    5. ความสัมพันธ์ระหว่างคณะกรรมการและฝ่ายจัดการ

    โดยผลการประเมินการปฎิบัติงานของคณะกรรมการบริษัททั้งคณะ ในรอบปี 2567 ที่ผ่านมาในภาพรวม 5 หัวข้อ อยู่ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 99.69

  • การประเมินตนเองของกรรมการรายบุคคล

    คณะกรรมการบริษัทฯ ได้จัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการแต่ละท่าน ประจำปี 2567 ซึ่งแบบประเมินครอบคลุมในเรื่องต่าง ดังนี้
  1. โครงสร้างและคุณสมบัติของคณะกรรมการ
  2. การประชุมของคณะกรรมการ
  3. บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

    โดยผลการประเมินการปฎิบัติงานของกรรมการแต่ละท่าน ในรอบปี 2567 ที่ผ่านมา ในภาพรวม 3 หัวข้อ อยู่ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 100
  • การประเมินตนเองของคณะกรรมการชุดย่อย

    คณะกรรมการบริษัทฯ ได้จัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการชุดย่อยแต่ละชุด ประจำ ปี 2567 ซึ่งแบบประเมินครอบคลุมในเรื่องต่างๆ ดังนี้

    1. โครงสร้างและคุณสมบัติของคณะกรรมการ
    2. การประชุมของคณะกรรมการ
    3. บทบาท หน้าที และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

    โดยผลการประเมินตนเองของคณะกรรมการชุดย่อย ปี 2567 ทุกชุดอยู่ในระดับดีเยี่ยม สามารถสรุปได้ดังนี้


  • ขั้นตอนในการประเมิน

         เลขานุการบริษัทฯ จะจัดส่งแบบประเมินให้กรรมการทุกท่านประเมินตนเองในทุกสิ้นปี จากนั้นจะนำรวบรวมและรายงานสรุปผลต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ เพื่อรับทราบรวมทั้งหารือถึงแนวทางในการพัฒนาต่อไป
  • การประเมินผลงานประจําปีของกรรมการผู้จัดการ

         คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน ได้จัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการผู้จัดการ เพื่อนําไปใช้ในการพิจารณาค่าตอบแทน โดยใช้แบบประเมินที่ได้รับการอนุมัติจาก คณะกรรมการบริษัทฯ โดยประเมินครอบคลุมในเรื่องต่างๆ ดังนี้
  1. ความเป็นผู้นํา
  2. การกําหนดและปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์
  3. การวางแผนและผลปฏิบัติทางการเงิน
  4. ความสัมพันธ์กับคณะกรรมการ
  5. การบริหารงานและความสัมพันธ์กับบุคลากร
  6. การสืบทอดตําแหน่ง
  7. ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์และบริการ
ผลการประเมินกรรมการผู้จัดการในรอบปี 2567 ที่ผ่านมาในภาพรวม 7 หัวข้อ อยู่ในระดับดีเยี่ยม คิดเป็นร้อยละ 99.53
 

การสรรหากรรมการ

     คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนจะทําหน้าที่รับผิดชอบในการพิจารณาทบทวนทักษะและคุณลักษณะของกรรมการที่ต้องการ เป็นประจําทุกปี เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทฯ มีองค์ประกอบที่เหมาะสมกับทิศทางในการดําเนินธุรกิจและกลยุทธ์ในปัจจุบันและอนาคตของบริษัทฯ โดยขั้นตอนการคัดเลือกกรรมการของบริษัทฯ มีดังนี้

  • การคัดเลือกและแต่งตั้งกรรมการใหม่

    คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน จะจัดทําเป็นตาราง Board Skill Matrix เพื่อพิจารณาว่าคณะกรรมการบริษัทฯ ยังขาดความเชี่ยวชาญในเรื่องใด นอกจากนั้น ยังพิจารณาถึงความหลากหลายในด้าน ทักษะ ประสบการณ์ ความรู้ ความเป็นอิสระ อายุ และเพศ

    คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน พิจารณาสรรหาบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติตรงเกณฑ์ที่สุดจากแหล่งต่างๆ ดังนี้

    กรรมการของบริษัทฯ เป็นผู้แนะนํา
    ผู้ถือหุ้นที่ถือหุ้นและมีสิทธิออกเสียงรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ
    บริษัทที่ปรึกษาภายนอก
    ฐานข้อมูลกรรมการของสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย

    คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน จะประเมินคุณสมบัติเบื้องต้นของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อและคัดเลือกให้เหลือไว้จํานวนหนึ่ง หลังจากนั้นจะสัมภาษณ์บุคคลดังกล่าว

    คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน จะส่งรายชื่อบุคคลที่เหมาะสมที่สุดให้คณะกรรมการบริษัทฯ เสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้น อนุมัติแต่งตั้ง หรือให้คณะกรรมการบริษัทฯ แต่งตั้งในกรณีที่ตําแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่นนอกจากออกตามวาระ

  • การแต่งตั้งกรรมการกลับเข้าดํารงตําแหน่ง

    ในการพิจารณากรรมการเดิมที่มีอยู่กลับเข้าดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน จะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ผลการปฏิบัติงาน จำนวนครั้งการเข้าร่วมประชุม และการมีส่วนร่วมในการประชุม รวมทั้งการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของคณะกรรมการบริษัทฯ

    องค์ประกอบและการแต่งตั้งคณะกรรมการบริษัทฯ

    องค์ประกอบและการสรรหา แต่งตั้ง ถอดถอน หรือพ้นจากตำแหน่งกรรมการของบริษัทฯ นั้น ได้กำหนดไว้ในข้อบังคับของบริษัทฯ ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
  1. คณะกรรมการบริษัทฯ ประกอบด้วย กรรมการจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน และกรรมการไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดต้องมีถิ่นที่อยู่ในราชอาณาจักร และต้องมีคุณสมบัติตามกฎหมายกำหนด
  2. ให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นเลือกตั้งกรรมการ ตามหลักเกณฑ์และวิธีการดังต่อไปนี้

    ผู้ถือหุ้นคนหนึ่งมีคะแนนเสียงเท่ากับจำนวนหุ้นที่ตนถือ
    ผู้ถือหุ้นแต่ละคนจะใช้คะแนนเสียงที่มีอยู่เลือกตั้งบุคคลคนเดียวหรือหลายคนเป็นกรรมการก็ได้ ในกรณีที่เลือกตั้งบุคคลหลายคนเป็นกรรมการจะแบ่งคะแนนเสียงให้แก่ผู้ใดมากน้อยเพียงใดไม่ได้
    บุคคลที่ได้รับคะแนนเสียงสูงสุดตามลำดับลงมาเป็นผู้ได้รับการเลือกตั้งเป็นกรรมการเท่าจำนวนกรรมการที่จะพึงมีหรือจะพึงเลือกตั้งในครั้งนั้น ในกรณีที่บุคคลซึ่งได้รับการเลือกตั้ง ในลำดับถัดลงมามีคะแนนเสียงเท่ากันเกินจำนวนกรรมการที่จะพึงมีหรือจะพึงเลือกตั้งในครั้งนั้น ให้ผู้เป็นประธานเป็นผู้ออกเสียงชี้ขาด
  3. ในการประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปีทุกครั้งให้กรรมการออกจากตำแหน่งจำนวนหนึ่งในสาม ของจำนวนกรรมการในขณะนั้น ถ้าจำนวนกรรมการจะแบ่งออกให้ตรงเป็นสามส่วนไม่ได้ ก็ให้ออกโดยจำนวนใกล้ที่สุดกับส่วนหนึ่งในสามกรรมการที่จะต้องออกจากตำแหน่งในปีแรกและปีที่สองภายหลังจดทะเบียนบริษัทนั้นให้จับสลากกัน ส่วนปีหลังๆ ต่อไปให้กรรมการคนที่อยู่ในตำแหน่งนานที่สุดนั้น เป็นผู้ออกจากตำแหน่ง กรรมการที่จะออกตามวาระอาจถูกเลือกเข้ามารับตำแหน่งใหม่ก็ได้
  4. กรรมการคนใดจะลาออกจากตำแหน่งให้ยื่นใบลาออกต่อบริษัทฯ การลาออกมีผลนับแต่วันที่ใบลาออกไปถึงบริษัทฯ
  5. ในกรณีที่ตำแหน่งกรรมการว่างลงเพราะเหตุอื่นนอกจากถึงคราวออกตามวาระ คณะกรรมการ อาจเลือกบุคคลซึ่งมีคุณสมบัติ และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยบริษัทมหาชนจำกัด และ/หรือกฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เข้าเป็นกรรมการแทนในการประชุมคราวถัดไป เว้นแต่วาระของกรรมการจะเหลือน้อยกว่า 2 เดือน บุคคลซึ่งเข้าเป็นกรรมการแทนดังกล่าว จะอยู่ในตำแหน่งกรรมการได้เพียงแค่วาระที่ยังเหลืออยู่ของกรรมการที่ตนแทน มติของคณะกรรมการต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนกรรมการที่ยังเหลืออยู่
  6. ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอาจลงมติให้กรรมการคนใดออกจากตำแหน่งก่อนถึงคราวออกตามวาระได้ ด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสามในสี่ของจำนวนผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง และมีหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่ถือโดยผู้ถือหุ้นที่มาประชุมและมีสิทธิออกเสียง
หมวดที่ 5 ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ (ต่อ)
องค์ประกอบและการแต่งตั้งกรรมการอิสระ

     คณะกรรมการบริษัทฯ จะร่วมกันพิจารณาเบื้องต้นถึงคุณสมบัติของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการอิสระ โดยพิจารณาจากคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของกรรมการตามพระราชบัญญัติมหาชนจำกัด กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ประกาศของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน รวมถึงประกาศ ข้อบังคับ และ/หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ จะพิจารณาคัดเลือกกรรมการอิสระจากผู้ทรงคุณวุฒิ ประสบการณ์การทำงาน และความเหมาะสมด้านอื่นๆ ประกอบกัน จากนั้นจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาแต่งตั้งเป็นกรรมการของบริษัทฯ ต่อไป ทั้งนี้ บริษัทฯ มีนโยบายในการแต่งตั้งกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด และต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่า 3 ท่าน

 

คุณสมบัติของกรรมการอิสระ

  1. ถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 0.5 ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ โดยนับรวมหุ้นที่ถือโดยผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย
  2. ไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการที่มีส่วนร่วมบริหารงาน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษาที่ได้เงินเดือนประจำ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทฯ เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ
  3. ไม่เป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต หรือโดยการจดทะเบียนตามกฎหมาย ในลักษณะที่เป็นบิดามารดา คู่สมรส พี่น้อง และบุตร รวมทั้งคู่สมรสของบุตร ของผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้มีอำนาจควบคุม หรือบุคคลที่จะได้รับการ เสนอให้เป็นผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทฯ
  4. ไม่มีหรือเคยมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทฯ หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง ในลักษณะที่อาจเป็นการขัดขวางการใช้วิจารณญาณอย่างอิสระของตน เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ
  5. ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง และไม่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กรรมการซึ่งไม่ใช่กรรมการอิสระ ผู้บริหาร หรือหุ้นส่วนผู้จัดการของสำนักงานสอบบัญชี ซึ่งมีผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งสังกัดอยู่ เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ
  6. ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ให้บริการทางวิชาชีพใดๆ ซึ่งรวมถึงการให้บริการเป็นที่ปรึกษากฎหมายหรือที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งได้รับค่าบริการเกินกว่า 2 ล้านบาทต่อปีจากบริษัทฯ หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ให้บริการทางวิชาชีพเป็นนิติบุคคล ให้รวมถึงการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กรรมการซึ่งไม่ใช่กรรมการอิสระ ผู้บริหาร หรือหุ้นส่วนผู้จัดการของผู้ให้บริการทางวิชาชีพนั้นด้วย เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ
  7. ไม่เป็นกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของกรรมการของบริษัทฯ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ
  8. ไม่มีลักษณะอื่นใดที่ทำให้ไม่สามารถให้ความเห็นอย่างเป็นอิสระเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทฯ
 

องค์ประกอบและการแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบ

     คณะกรรมการบริษัทฯ จะเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบซึ่งประกอบด้วยกรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 3 ท่าน โดยแต่งตั้งจากกรรมการอิสระของบริษัทฯ ที่มีคุณสมบัติตามที่กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ รวมถึงประกาศข้อบังคับ และ/หรือระเบียบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด นอกจากนี้ กรรมการอิสระที่ดำรงตำแหน่งกรรมการตรวจสอบต้องมีคุณสมบัติเพิ่มเติมดังนี้

  1. ไม่เป็นกรรมการที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการให้ตัดสินใจในการดำเนินกิจการของบริษัทฯ บริษัทใหญ่ บริษัทย่อย บริษัทร่วม บริษัทย่อยลำดับเดียวกัน หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง
  2. ไม่เป็นกรรมการของบริษัทใหญ่ บริษัทย่อย หรือบริษัทย่อยลำดับเดียวกันเฉพาะที่เป็นบริษัทจดทะเบียน
  3. มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอที่จะสามารถทำหน้าที่ในฐานะกรรมการตรวจสอบ ทั้งนี้ ต้องมีกรรมการตรวจสอบอย่างน้อยหนึ่งคนที่มีความรู้และประสบการณ์เพียงพอที่จะสามารถทำหน้าที่ในการสอบทานความน่าเชื่อถือของงบการเงินได้

     ประธานกรรมการตรวจสอบ และ กรรมการตรวจสอบ มีวาระการดำรงตำแหน่งนับตั้งแต่แต่งตั้งจนถึงเวลาสิ้นสุดวาระของการเป็นกรรมการบริษัท

     ทั้งนี้ เมื่อครบวาระการดำรงตำแหน่งดังกล่าว ประธานกรรมการตรวจสอบและกรรมการตรวจสอบที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งให้กลับเข้าดำรงตำแหน่งได้อีก

 

การดูแลเรื่องการใช้ข้อมูลภายใน

  1. ห้ามมิให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทฯ นำความลับ และ/หรือข้อมูลภายในของบริษัทฯ ไปเปิดเผยหรือแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองหรือเพื่อประโยชน์แก่บุคคลอื่นใดไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม และไม่ว่าจะได้รับผลประโยชน์ตอบแทนหรือไม่ก็ตาม
  2. ห้ามมิให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทฯ รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าว ใช้ข้อมูลภายในของบริษัทฯ ที่มีหรืออาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงราคาของหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ซึ่งยังมิได้เปิดเผยต่อสาธารณชน เพื่อทำการซื้อ ขาย เสนอซื้อ เสนอขาย หรือชักชวนให้บุคคลอื่นซื้อ ขาย เสนอซื้อหรือเสนอขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ก่อนที่ข้อมูลนั้นจะได้มีการเปิดเผยต่อสาธารณชน ไม่ว่าการกระทำดังกล่าวจะกระทำเพื่อประโยชน์ต่อตนเองหรือผู้อื่น หรือเพื่อให้ผู้อื่นกระทำดังกล่าวโดยตนได้รับประโยชน์ตอบแทน ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกลงโทษตามมาตรการทางวินัยของบริษัทฯ
  3. บริษัทฯ ได้ดำเนินการแจ้งให้ผู้บริหารเข้าใจและรับทราบภาระหน้าที่ในการรายงานการถือครองหลักทรัพย์ในบริษัทฯ ของตนเอง คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ตลอดจนการรายงานการเปลี่ยนแปลงการถือครองหลักทรัพย์ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ตามมาตรา 59 และบทกำหนดโทษตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535
  4. บริษัทฯ ได้กำหนดมิให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทฯ รวมถึงคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าว ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ในช่วงระยะเวลา 1 เดือน ก่อนการเปิดเผยงบการเงินให้แก่สาธารณชนทราบ
  5. ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้แจ้งให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน และลูกจ้างของบริษัทฯ ทราบเกี่ยวกับข้อกำหนดข้างต้น
         
    สำหรับปี 2567 ส่วนงานเลขานุการบริษัท แจ้งระยะเวลามิให้ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัท (Blackout Period) ไปยังกรรมการ ผู้บริหาร และบุคคลที่มีตำแหน่งหรือหน้าที่ซึ่งสามารถล่วงรู้ข้อมูลภายในเป็นอีเมล์ และไม่พบว่ากรรมการ ผู้บริหาร หรือพนักงานที่เกี่ยวข้องมีการซื้อขายหลักทรัพย์โดยการใช้ข้อมูลภายใน

การแต่งตั้งและพิจารณาค่าตอบแทนผู้สอบบัญชี

     คณะกรรมการตรวจสอบพิจารณาคุณสมบัติและการปฏิบัติงานของผู้สอบบัญชี และเสนอต่อคณะกรรมการในการแต่งตั้งผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ ในแต่ละปี รวมถึงค่าตอบแทนของผู้สอบบัญชี เพื่อเสนอขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น 

ในรอบปี 2567 ค่าตอบแทนผู้สอบบัญชี ประกอบด้วย

  1. ค่าตอบแทนจากการสอบบัญชี (Audit Fee)
    ในปี 2567 บริษัทฯ ได้จ่ายค่าตอบแทนการสอบบัญชี (Audit Fee) ให้แก่บริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด เป็นจำนวนเงิน 1,395,000 บาท
  2. ค่าบริการอื่น (Non-audit Service)
    ในปี 2567 บริษัทฯ ชำระค่าบริการอื่น ในการสังเกตการณ์ทำลายสินค้า กับบริษัท สำนักงาน อีวาย จำกัด เป็นจำนวนเงิน 25,000 

หมวดหมู่นโยบายการกำกับดูแลกิจการ

หมวดที่ 1 สิทธิของผู้ถือหุ้น
บริษัทฯ ตระหนักและให้ความสำคัญในสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ ของผู้ถือหุ้น ทั้งในฐานะของเจ้าของบริษัทฯ และในฐานะนักลงทุนในหลักทรัพย์ โดยจะไม่ทำการใดๆ อันเป็นการละเมิดหรือลิดรอนสิทธิของผู้ถือหุ้น บริษัทฯ จะเคารพในสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ถือหุ้น และดูแลรักษาสิทธิดังกล่าวอย่างเคร่งครัด โดยสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ถือหุ้น ได้แก่ สิทธิในการซื้อขายหรือโอนหลักทรัพย์ที่ตนถืออยู่ สิทธิในการได้รับข้อมูลของบริษัทฯ อย่างเพียงพอ สิทธิในการที่จะได้รับส่วนแบ่งผลกำไรจากบริษัทฯ สิทธิต่างๆ ในการประชุมผู้ถือหุ้น สิทธิในการแสดงความคิดเห็น สิทธิในการร่วมตัดสินใจในเรื่องสำคัญของบริษัทฯ และมีผลต่อทิศทางในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ เช่น การจัดสรรเงินปันผล การแต่งตั้งหรือถอดถอนกรรมการ การแต่งตั้งผู้สอบบัญชี การกำหนดหรือการแก้ไขข้อบังคับและหนังสือบริคณห์สนธิ การลดทุนหรือเพิ่มทุน และการอนุมัติธุรกรรมที่สำคัญ เป็นต้น

     นอกเหนือจากสิทธิพื้นฐานต่างๆ ข้างต้นแล้ว บริษัทฯ ยังมีนโยบายที่เป็นการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกในการใช้สิทธิของผู้ถือหุ้น ดังนี้

     1.1. ให้สิทธิแก่ผู้ถือหุ้นในการเสนอวาระการประชุมเป็นการล่วงหน้า และเสนอชื่อบุคคลที่เหมาะสม เพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นกรรมการบริษัทฯ ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี โดยบริษัทฯ จะประกาศและเผยแพร่หลักเกณฑ์และวิธีการเสนอผ่านเว็บไซต์ของตลาดหลักทรัพย์และเว็บไซต์บริษัทฯ

     1.2. บริษัทฯ จะจัดส่งหนังสือเชิญประชุมพร้อมทั้งข้อมูลประกอบการประชุมในวาระต่างๆ อย่างเพียงพอให้ผู้ถือหุ้นล่วงหน้า ภายใน 21 วัน ก่อนวันประชุม รวมทั้งเผยแพร่ในเว็บไซต์ของบริษัทฯ ล่วงหน้า 28 วันก่อนวันประชุม เพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้ศึกษาข้อมูลก่อนวันประชุม

     1.3. บริษัทฯ ไม่มีการเพิ่มวาระการประชุมหรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลสําคัญ โดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบล่วงหน้า

     1.4. ในกรณีที่ผู้ถือหุ้นไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้ บริษัทฯ เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นสามารถมอบฉันทะแก่บุคคลใดๆ เข้าร่วมประชุมแทนตนและออกเสียงลงคะแนนตามความประสงค์ของผู้ถือหุ้น โดยผู้ถือหุ้นจะใช้หนังสือมอบฉันทะแบบหนึ่งแบบใดตามที่บริษัทฯ ได้จัดส่งไปพร้อมหนังสือเชิญประชุม

     1.5. บริษัทฯ เสนอชื่อกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 คน เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ถือหุ้นในการพิจารณามอบฉันทะให้เข้าประชุมและออกเสียงลงคะแนนแทน

     1.6. กรรมการทุกท่าน รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงมีหน้าที่เข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นสามัญประจำปี เพื่อตอบคำถามต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้น

     1.7. บริษัทฯ ได้จัดสรรเวลา และส่งเสริมให้ผู้ถือหุ้นมีโอกาสในการแสดงความเห็นและตั้งคําถามต่อที่ประชุม ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ได้

     1.8. เปิดเผยมติการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นให้สาธารณชนทราบถึงผลการลงคะแนนในแต่ละวาระผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเผยแพร่บนเว็บไซต์ของบริษัทฯ ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุม

     1.9. จัดทํารายงานการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นให้แล้วเสร็จภายใน 14 วันนับแต่วันประชุม และมีรายละเอียดอย่างเพียงพอ และส่งให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกระทรวงพาณิชย์ภายในระยะเวลาที่กฎหมายกําหนด พร้อมทั้งได้เผยแพร่ในเว็บไซต์ของบริษัทฯ
หมวดที่ 2 การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน
บริษัทฯ จะปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ถือหุ้นที่เป็นผู้บริหารบริษัทฯ หรือไม่เป็นผู้บริหารบริษัทฯ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้ถือหุ้นรายย่อย รวมถึงผู้ถือหุ้นต่างชาติ โดยมีแนวทางการปฏิบัติดังต่อไปนี้

     2.1. การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นรายย่อย

          (1) บริษัทฯ เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายเดียวหรือหลายรายที่ถือหุ้นนับรวมกันได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 1 ของจํานวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ มีสิทธิที่จะเสนอวาระในการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น

          (2) บริษัทฯ เปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นทุกรายมีสิทธิเสนอชื่อบุคคลเพื่อพิจารณาเข้ารับการเลือกตั้งเป็นกรรมการบริษัทฯ ล่วงหน้า โดยคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนจะเป็นผู้พิจารณา เพื่อสรรหาตามหลักเกณฑ์การสรรหาบุคคลเข้าเป็นกรรมการบริษัทฯ จากนั้นจะได้เสนอรายชื่อบุคคลที่เห็นว่เหมาะสมให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาก่อนเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

     2.2. การดูแลเรื่องการใช้ข้อมูลภายใน

     บริษัทฯ ได้กำหนดมาตรการป้องกันการใช้ข้อมูลภายในโดยมิชอบ (Insider Trading) ของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหมายถึง กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายใน (รวมทั้งคู่สมรสและบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะของบุคคลดังกล่าว) เป็นลายลักษณ์อักษรโดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

          (1) กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลภายใน (รวมทั้งคู่สมรสของบุคคลดังกล่าว) ต้องไม่ซื้อขายหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ภายในเวลา 1 เดือน ก่อนมีการเปิดเผยงบการเงินรายไตรมาสและงบการเงินประจําปี

          (2) กําหนดให้กรรมการและผู้บริหารมีหน้าที่รายงานการถือครองหลักทรัพย์ตามข้อกําหนดของสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ต่อคณะกรรมการเป็นประจํา

          (3) คณะกรรมการและผู้บริหารจะต้องเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับส่วนได้ส่วนเสียและผู้เกี่ยวข้องเพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณาธุรกรรมของบริษัทฯ ที่อาจมีความขัดแย้งทางผลประโยชน์ และตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ โดยรวม ทั้งนี้ กรรมการและผู้บริหารที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับธุรกรรมที่ทํากับบริษัทฯ ต้องไม่มีส่วนร่วมในการตัดสินใจทําธุรกรรมดังกล่าว ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนหรือมาตรการการอนุมัติการทํารายการระหว่างกันของบริษัทฯ
หมวดที่ 3 บทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย
บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้มีส่วนได้เสียภายใน ได้แก่ พนักงานและผู้บริหารของบริษัทฯ หรือผู้มีส่วนได้เสียภายนอก เช่น คู่แข่ง คู่ค้า ลูกค้า เป็นต้น โดยบริษัทฯ ตระหนักดีว่าการสนับสนุนและข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินงาน และการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ ดังนั้น บริษัทฯ จะปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สิทธิของผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าวได้รับการดูแลเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังส่งเสริมให้มีความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ และกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่ม เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่บริษัทฯ ตามแนวทางดังต่อไปนี้

     3.1. นโยบายและแนวปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้น

          (1) ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ตลอดจนตัดสินใจดำเนินการใดๆ ตามหลักการของวิชาชีพ ด้วยความระมัดระวัง รอบคอบและเป็นธรรมต่อผู้ถือหุ้นทั้งรายใหญ่และรายย่อย เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นโดยรวม

          (2) นำเสนอรายงานสถานภาพของบริษัทฯ ผลประกอบการ ฐานะข้อมูลทางการเงิน การบัญชี และรายงานอื่นๆ โดยสม่ำเสมอ และครบถ้วนตามความเป็นจริง

          (3) ห้ามไม่ให้แสวงหาผลประโยชน์ให้ตนเองและผู้อื่นโดยใช้ข้อมูลใดๆ ของบริษัทฯ ซึ่งยังมิได้เปิดเผยต่อสาธารณะ หรือดำเนินการใดๆ ในลักษณะที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งทางผลประโยชน์กับบริษัทฯ

     3.2. นโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อพนักงาน

          (1) ปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเท่าเทียมกันบนหลักสิทธิมนุษยชน

          (2) ให้ผลตอบแทนที่เป็นธรรมต่อพนักงาน รวมทั้งมีการจัดตั้งกองทุนสำรองเลี้ยงชีพพนักงาน และให้ความสำคัญในด้านการดูแลสวัสดิการพนักงาน

          (3) ดูแลรักษาสภาพแวดล้อมในการทำงานให้มีความปลอดภัยต่อชีวิต และทรัพย์สินของพนักงาน

          (4) การแต่งตั้ง โยกย้าย รวมถึงการให้รางวัลและการรับโทษพนักงานกระทำด้วยความสุจริตใจ และตั้งอยู่บนพื้นฐานความรู้ ความสามารถ และความเหมาะสมของพนักงานนั้น

          (5) ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาความรู้ ความสามารถของพนักงานโดยให้โอกาสอย่างทั่วถึงและสม่ำเสมอ เพื่อพัฒนาความสามารถของพนักงานให้เกิดศักยภาพในการปฏิบัติงานอย่างมืออาชีพ

          (6) รับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานความรู้ของพนักงาน

          (7) ปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพนักงานอย่างเคร่งครัด

     3.3. นโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อลูกค้า

          (1) มุ่งมั่นสร้างความพึงพอใจและความมั่นใจให้กับลูกค้าที่จะได้รับผลิตภัณฑ์และบริการที่ดีมีคุณภาพ รวมทั้งรักษาสัมพันธภาพที่ดี มุ่งเน้นการทำการค้าด้วยความซื่อสัตย์และเป็นธรรม

          (2) จัดให้มีระบบการควบคุมดูแลการปฏิบัติตามข้อตกลงที่ให้ไว้กับลูกค้าอย่างเคร่งครัด และด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเอาใจใส่ และสม่ำเสมอ

          (3) ให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องแก่ลูกค้า โดยไม่มีการกล่าวเกินความเป็นจริงอันเป็นเหตุให้ลูกค้าเข้าใจผิดเกี่ยวกับคุณภาพปริมาณหรือเงื่อนไขใดๆ ของสินค้าหรือบริการนั้นๆ

     3.4. นโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อคู่ค้าและเจ้าหนี้

          (1) ปฏิบัติตามสัญญา ข้อตกลง หรือเงื่อนไขที่มีต่อคู่ค้า รวมถึงจ่ายชำระเงินให้คู่ค้าตรงตามเวลา และเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า

          (2) คัดเลือกคู่ค้าเป็นไปอย่างยุติธรรม ไม่เรียกรับ หรือไม่ให้ผลประโยชน์ไม่สุจริตกับคู่ค้า

          (3) ไม่เรียก หรือรับ หรือจ่ายผลประโยชน์ใดๆ ที่ไม่สุจริตในการค้าต่อคู่ค้า และ/หรือ เจ้าหนี้

          (4) ไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของผู้อื่นหรือคู่แข่งทางการค้า

     3.5. นโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อคู่แข่ง

          (1) ปฏิบัติต่อคู่แข่งทางการค้าให้สอดคล้องกับหลักสากลภายใต้กรอบแห่งกฎหมายเกี่ยวกับหลักปฏิบัติการแข่งขันทางการค้าและยึดกติกาของการแข่งขันอย่างเสรีและเป็นธรรม โปร่งใส ไม่เอารัดเอาเปรียบ

          (2) ไม่มีนโยบายในการแข่งขันทางการค้าโดยใช้วิธีการใดๆ ให้ได้มาซึ่งข้อมูลคู่แข่งขันอย่างผิดกฎหมายและขัดต่อจริยธรรม

          (3) ไม่ทำลายชื่อเสียงของคู่แข่งทางการค้าด้วยการกล่าวหาในทางร้าย การสร้างข่าวที่เป็นเท็จหรือการโจมตีคู่แข่ง

          (4) ในการติดต่อกับคู่แข่ง บุคลากรของบริษัทฯ ต้องไม่เปิดเผยหรือละเลยให้ความลับของบริษัทฯ ต่อคู่แข่ง

     3.6. นโยบายและแนวทางปฏิบัติต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม

          (1) ตระหนักถึงความรับผิดชอบที่พึงมีต่อสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม ทั้งการจัดกิจกรรมและเข้ามีส่วนร่วม เพื่อสาธารณะประโยชน์ และบริการสังคม เช่น กิจกรรมด้านการศึกษา เป็นต้น

          (2) ส่งเสริมการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ

          (3) ส่งเสริมให้ทิ้งอะไหล่เสียจากศูนย์ซ่อมอย่างถูกวิธี โดยทิ้งกับบริษัทที่มีกระบวนการกำจัดอย่างถูกวิธี

     การแจ้งเบาะแสหรือข้อร้องเรียน

          บริษัทฯ กำหนดให้มีแนวปฏิบัติและระบบการควบคุมภายในที่ดีเพื่อป้องกันการทุจริตคอร์รัปชั่นในองค์กร และยังเน้นการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อช่วยกันตรวจสอบความโปร่งใสในการดำเนินธุรกิจ การประพฤติตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการที่ดี ตลอดจนแนวปฏิบัติเรื่องการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่น โดยผู้ที่พบเห็นการละเมิด สามารถแจ้งการพบเห็นดังกล่าวต่อคณะกรรมการบริษัท ผ่านเลขานุการบริษัท หรือแผนกตรวจสอบภายใน ทั้งนี้ เรื่องที่ถูกแจ้งเข้ามาจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไปและผู้รายงานจะได้รับการคุ้มครองจากบริษัทฯ อย่างดีที่สุด

          คณะกรรมการบริษัท เปิดโอกาสให้พนักงานและผู้มีส่วนได้เสีย มีช่องทางการร้องเรียน การแสดงความเห็น และแจ้งเบาะแสการกระทําที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของรัฐ หรือนโยบายกำกับดูแลกิจการ จรรยาบรรณธุรกิจ และระเบียบข้อบังคับของบริษัทฯ รวมถึงการกระทำที่อาจส่อถึงการทุจริต อันเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายทั้งทางด้านทรัพย์สินและชื่อเสียงของบริษัทฯ เรื่องที่ถูกแจ้งเข้ามาจะถูกนำเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป และผู้รายงานจะได้รับการคุ้มครองจากบริษัทฯ อย่างดีที่สุด ทั้งนี้ บริษัทฯ ส่งเสริมให้ผู้แจ้งเรื่องร้องเรียนเปิดเผยตัวตนให้ทราบ และให้ข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ

     กระบวนการดำเนินการเมื่อได้รับข้อร้องเรียน

          เมื่อผู้พบเห็นเหตุการณ์ที่มีการฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบของรัฐ นโยบายการกำกับดูแลกิจการ จรรยาบรรณธุรกิจ นโยบาย หรือระเบียบข้อบังคับของบริษัทฯ รวมถึงการกระทำที่อาจส่อถึงการทุจริต ของกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ ผู้ร้องเรียนสามารถแจ้ง เรื่องผ่านช่องทางในการร้องเรียนและการแจ้งเบาะแส ส่วนในกรณีพนักงาน หากพบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าว ควรสอบถามหรือปรึกษาผู้บังคับบัญชาก่อนเป็นลำดับแรกและหากไม่แน่ใจ หรือไม่สะดวกใจที่จะทำเช่นนั้น ให้แจ้งเรื่องผ่านช่องทางในการร้องเรียนและการแจ้งเบาะแส

          เมื่อผู้รับเรื่องร้องเรียนได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว จะพิจารณาว่าข้อมูลหรือหลักฐานมีความชัดเจนเพียงพอหรือไม่ ถ้าไม่มีความชัดเจนเพียงพอ จะแจ้งกลับไปยังผู้ร้องเรียนทราบหากผู้ร้องเรียนเปิดเผยตัวตน ผู้รับเรื่องร้องเรียนสามารถพิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม หรือส่งเรื่องให้บุคคลที่เกี่ยวข้อง โดยพิจารณาถึงความเป็นอิสระในการดำเนินการตามเนื้อหาหรือประเด็นที่ได้รับการร้องเรียน เพื่อดำเนินการตรวจสอบหาข้อเท็จจริงพร้อมทั้งติดตามความคืบหน้า เพื่อให้มั่นใจว่ามีการดำเนินการที่เหมาะสมกับข้อร้องเรียนที่ได้รับ

     มาตรการคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส หรือผู้ร้องเรียน

บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลและตัวตนของผู้แจ้งเบาะแส หรือผู้ร้องเรียน และผู้ถูกร้องเรียนเป็นความลับ
บริษัทฯ จะเปิดเผยข้อมูลเท่าที่จําเป็น โดยคํานึงถึงความปลอดภัยและความเสียหายของผู้รายงานแหล่งที่มาของข้อมูล หรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ผู้ที่ได้รับความเสียหาย จะได้รับการบรรเทาความเสียหายด้วยกระบวนการที่เหมาะสม และเป็นธรรม
บริษัทฯ จะไม่กระทําการใดอันไม่เป็นธรรมต่อผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ร้องเรียน ไม่ว่าจะโดยการเปลี่ยนแปลงตําแหน่งงาน ลักษณะงาน สถานที่ทํางาน สั่งพักงาน เลิกจ้าง หรือกระทําการอื่นใดที่มีลักษณะเป็นการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อผู้แจ้งเบาะแสหรือผู้ร้องเรียน หรือผู้ให้ความร่วมมือในการตรวจสอบข้อเท็จจริง
     ช่องทางในการแจ้งเบาะแส หรือร้องเรียนการแจ้งเบาะแสการกระทําผิดหรือข้อร้องเรียน

          (1) ส่งโดยตรงที่เลขานุการบริษัท
          บริษัท เอส พี วี ไอ จํากัด(มหาชน)
          เลขที่ 2 อาคารพรีเมียร์เพลซ ชั้น 3 ซอยพรีเมียร์ 2  ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250 หรือ
          ทางอีเมล์ : companysecretary@spvi.co.th

          (2) ส่งโดยตรงที่แผนกตรวจสอบภายใน
          นางสาวยุพา เบญจวิกรัย
          บริษัท เอส พี วี ไอ จํากัด(มหาชน)
          เลขที่ 2 อาคารพรีเมียร์เพลซ ชั้น 3 ซอยพรีเมียร์ 2  ถนนศรีนครินทร์ แขวงหนองบอน เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร 10250 หรือ
          ทางอีเมล์ : yupa@spvi.co.th
หมวดที่ 4 การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส
คณะกรรมการบริษัทให้ความสำคัญต่อการเปิดเผยข้อมูลอย่างถูกต้อง ครบถ้วน และโปร่งใส ทั้งรายงานข้อมูลทางการเงินและข้อมูลทั่วไปตามหลักเกณฑ์ของ ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ ตลอดจนข้อมูลที่สำคัญที่มีผลกระทบต่อราคาหลักทรัพย์ของบริษัทฯ ซึ่งมีผลกระทบต่อกระบวนการตัดสินใจของผู้ลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทฯ เพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องกับบริษัทฯ ทั้งหมดได้รับทราบข้อมูลอย่างเท่าเทียมกัน โดยทำการเผยแพร่ข้อมูลสารสนเทศของบริษัทฯ ต่อผู้ถือหุ้น และสาธารณชนผ่านช่องทางและสื่อการเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ และเว็บไซต์ของบริษัทฯ โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

4.1 คณะกรรมการบริษัท จะเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศทางการเงินและอื่นๆ ที่เกี่ยวกับธุรกิจและผลประกอบการของบริษัทฯ ที่ตรงต่อความเป็นจริง ครบถ้วน เพียงพอ สม่ำเสมอ ทันเวลา แสดงให้เห็นถึงสถานภาพทางการเงินและการประกอบการที่แท้จริงของบริษัทฯ

4.2 ​คณะกรรมการบริษัท รายงานผลการปฏิบัติตามนโยบายกํากับดูแลกิจการผ่านทางแบบ 56-1 One Report

4.3 บริษัทฯ จะเปิดเผยขอบเขตอำนาจและหน้าที่ของคณะกรรมการบริษัทและคณะกรรมการชุดย่อย จำนวนครั้งของการประชุม และจำนวนครั้งที่กรรมการแต่ละท่านเข้าร่วมประชุมในปีที่ผ่านมา รวมทั้งการฝึกอบรมและพัฒนาด้านวิชาชีพอย่างต่อเนื่องของคณะกรรมการบริษัทในแบบ 56-1 One Report รวมไปถึงเปิดเผยค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหารระดับสูงในแบบ 56-1 One Report

4.4 คณะกรรมการบริษัท จะดูแลให้มีการเปิดเผยค่าสอบบัญชี และค่าบริการอื่นที่ผู้สอบบัญชีให้บริการในแบบ 56-1 One Report

4.5 คณะกรรมการบริษัท จะเปิดเผยค่าตอบแทนแต่ละประเภทที่แต่ละคนได้รับ รวมทั้งรายละเอียดค่าตอบแทนของผู้บริหาร 4 รายแรกนับจากกรรมการผู้จัดการ ไว้ในแบบ 56-1 One Report

4.6 คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหาร มีการรายงานการถือหลักทรัพย์ และการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์เป็นไปตามเกณฑ์ของสํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

4.7 คณะกรรมการบริษัทและผู้บริหาร มีการรายงานการมีส่วนได้เสียของตนเองและบุคคลที่เกี่ยวข้อง
หมวดที่ 5 ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ
บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อสิทธิของผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้มีส่วนได้เสียภายใน ได้แก่ พนักงานและผู้บริหารของบริษัทฯ หรือผู้มีส่วนได้เสียภายนอก เช่น คู่แข่ง คู่ค้า ลูกค้า เป็นต้น โดยบริษัทฯ ตระหนักดีว่าการสนับสนุนและข้อคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่มจะเป็นประโยชน์ในการดำเนินงาน และการพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ ดังนั้น บริษัทฯ จะปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องเพื่อให้สิทธิของผู้มีส่วนได้เสียดังกล่าวได้รับการดูแลเป็นอย่างดี นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังส่งเสริมให้มีความร่วมมือระหว่างบริษัทฯ และกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียแต่ละกลุ่ม เพื่อสร้างความมั่นคงให้แก่บริษัทฯ ตามแนวทางดังต่อไปนี้

     5.1. โครงสร้างคณะกรรมการ

          (1) คณะกรรมการบริษัทประกอบด้วยบุคคลซึ่งมีความรู้ความสามารถและคุณสมบัติหลากหลายทั้งในด้านทักษะ ประสบการณ์ ความสามารถเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์กับบริษัทฯ และมีกรรมการบริหาร อย่างน้อย 1 ท่าน มีประสบการณ์ในธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยคณะกรรมการบริษัท จะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการกำหนดนโยบายและภาพรวมขององค์กร ตลอดจนมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแล ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างเป็นอิสระ

          (2) คณะกรรมการบริษัทประกอบด้วยกรรมการอิสระและกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารเป็นส่วนใหญ่ โดยมีกรรมการอิสระอย่างน้อย 1 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งคณะ และมีจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน

          (3) คณะกรรมการบริษัทส่งเสริมให้องค์ประกอบของคณะกรรมการมีความหลากหลาย และมีส่วนผสมทางด้านเพศที่เหมาะสม อย่างไรก็ตามในการคัดเลือกกรรมการยังคงให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของกรรมการแต่ละคน

     5.2. คณะกรรมการชุดย่อย

     คณะกรรมการบริษัทฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการชุดย่อยจำนวน 4 คณะ เพื่อทำหน้าที่ช่วยแบ่งเบาภาระและกลั่นกรองงานของคณะกรรมการบริษัท ดังนี้

          (1) คณะกรรมการบริหาร : เป็นผู้กำหนดแนวทางและกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ ให้เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริษัทฯ และเพื่อให้การบริหารงานเป็นไปอย่างคล่องตัว

          (2) คณะกรรมการตรวจสอบ : ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะเรื่องและเสนอเรื่องให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาและรับทราบ ซึ่งคณะกรรมการตรวจสอบมีสิทธิหน้าที่ตามที่ได้กำหนดไว้ในอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการตรวจสอบ ทั้งนี้ กรรมการตรวจสอบอย่างน้อย 1 ท่าน จะต้องมีความรู้และประสบการณ์ด้านบัญชีเพียงพอที่จะสามารถทำหน้าที่ในการสอบทานความน่าเชื่อถือของงบการเงินของบริษัทฯ ได้

          (3) คณะกรรมการบริหารความเสี่ยง : ปฏิบัติหน้าที่ในการช่วยคณะกรรมการบริษัทฯ พิจารณาความเสี่ยงในเรื่องต่างๆ อาทิ ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการ ความเสี่ยงด้านการเงิน ความเสี่ยงด้านการตลาด เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถบริหารจัดการให้ระดับความเสี่ยงอยูในระดับที่ยอมรับได้ รวมถึงเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป

          (4) คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน : ประกอบด้วย สมาชิกส่วนใหญ่เป็นกรรมการอิสระ โดยคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนทำหน้าที่พิจารณาหลักเกณฑ์ และกระบวนการในการสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารระดับสูง รวมทั้งคัดเลือกบุคคลตามกระบวนการสรรหาที่ได้กำหนดไว้ และเสนอความเห็นต่อคณะกรรมการ ซึ่งจะนำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้เป็นผู้แต่งตั้งกรรมการ

     5.3. บทบาท หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการ

          (1) คณะกรรมการบริษัทปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมาย วัตถุประสงค์ และข้อบังคับของบริษัท ตลอดจนมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นด้วยความสุจริต และระมัดระวังรักษาผลประโยชน์ของบริษัทฯ

          (2) คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้กำหนดนโยบาย เป้าหมายการดำเนินธุรกิจ แผนธุรกิจ ตลอดจนงบประมาณของบริษัทฯ และกำกับดูแลให้ฝ่ายจัดการดำเนินการให้เป็นไปตามนโยบาย แผนงาน และงบประมาณที่กำหนดไว้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล เพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัท และผู้ถือหุ้นโดยรวม

          (3) พิจารณากำหนดโครงสร้างการบริหารงาน มีอำนาจมอบหมายแต่งตั้งกรรมการจำนวนหนึ่งให้เป็นคณะกรรมการบริหาร เพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใดหรือหลายอย่างเพื่อปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการบริษัทฯ รวมทั้งมีอำนาจแต่งตั้งประธานกรรมการบริหาร และคณะกรรมการชุดย่อยอื่นๆ เช่น คณะกรรมการตรวจสอบ คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน ตามความเหมาะสม

          (4) กำหนดเป้าหมาย แนวทาง นโยบาย แผนงาน และงบประมาณของบริษัทฯ ควบคุมดูแลการบริหารและการจัดการของคณะกรรมการบริหาร หรือบุคคลที่ได้รับมอบหมาย ให้เป็นไปตามนโยบายที่คณะกรรมการบริษัทฯ ได้ให้ไว้

          (5) ทบทวนและอนุมัติวิสัยทัศน์ พันธกิจ และค่านิยมของบริษัทฯ

          (6) ทบทวนและอนุมัตินโยบาย ทิศทาง กลยุทธ์ แผนงานการดำเนินธุรกิจ งบประมาณสำหรับประกอบธุรกิจประจำปี งบประมาณรายจ่ายประจำปี โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของบริษัทฯ ที่เสนอโดยคณะกรรมการบริหาร รวมทั้งติดตามดูแลให้ฝ่ายบริหารนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติ ตลอดจนติดตามผลการดำเนินงานโดยเปรียบเทียบกับแผนธุรกิจ และงบประมาณ

     5.4. ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ

          (1) ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการต้องไม่เป็นบุคคลเดียวกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนในด้านความรับผิดชอบระหว่างการกำหนดนโยบายการกำกับดูแลและการบริหารงานประจำ

          (2) ประธานกรรมการเป็นกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร โดยจะเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริษัทฯ การประชุมผู้ถือหุ้น และการประชุมของกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร

          (3) กรรมการผู้จัดการมีหน้าที่ ดูแล บริหาร ดำเนินงาน และปฏิบัติงานประจำตามปกติธุรกิจเพื่อประโยชน์ของบริษัทฯ ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และข้อบังคับบริษัทฯ ตลอดจนระเบียบ มติ นโยบาย แผนงาน และงบประมาณที่กำหนดโดยที่ประชุมคณะกรรมการ และ/หรือที่ประชุมผู้ถือหุ้น ภายใต้กรอบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และขอบเขตอำนาจซึ่งคณะกรรมการกำหนด

     5.5. กรรมการอิสระ

          (1) กรรมการอิสระ ต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามที่กำหนดโดยคณะกรรมการกำกับตลาดทุนและไม่มีลักษณะต้องห้ามของกรรมการตาม มาตรา 68 แห่งพระราชบัญญัติบริษัทมหาชนจำกัด พ.ศ.2535 พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ประกาศของคณะกรรมการกำกับตลาดทุน รวมถึงประกาศ ข้อบังคับ และ/หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง

          (2) กรรมการอิสระต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้

              - ถือหุ้นไม่เกินร้อยละ 0.5% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทฯ โดยนับรวมหุ้นที่ถือโดยผู้ที่เกี่ยวข้องด้วย

              - ไม่เป็นหรือเคยเป็นกรรมการที่มีส่วนร่วมบริหารงาน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษาที่ได้เงินเดือนประจำ หรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทฯ เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ

              - ไม่เป็นบุคคลที่มีความสัมพันธ์ทางสายโลหิต หรือโดยการจดทะเบียนตามกฎหมาย ในลักษณะที่เป็นบิดามารดา คู่สมรส พี่น้อง และบุตร รวมทั้งคู่สมรสของบุตร ของผู้บริหาร ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ผู้มีอำนาจควบคุม หรือบุคคลที่จะได้รับการเสนอให้เป็นผู้บริหารหรือผู้มีอำนาจควบคุมของบริษัทฯ

              - ไม่มีหรือเคยมีความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับบริษัทฯ หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง ในลักษณะที่อาจเป็นการขัดขวางการใช้วิจารณญาณอย่างอิสระของตน เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ

              - ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง และไม่เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กรรมการซึ่งไม่ใช่กรรมการอิสระ ผู้บริหาร หรือหุ้นส่วนผู้จัดการของสำนักงานสอบบัญชี ซึ่งมีผู้สอบบัญชีของบริษัทฯ หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้งสังกัดอยู่ เว้นแต่จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ

              - ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ให้บริการทางวิชาชีพใดๆ ซึ่งรวมถึงการให้บริการเป็นที่ปรึกษากฎหมายหรือที่ปรึกษาทางการเงิน ซึ่งได้รับค่าบริการเกินกว่า 2 ล้านบาทต่อปีจากบริษัทฯ หรือนิติบุคคลที่อาจมีความขัดแย้ง ทั้งนี้ ในกรณีที่ผู้ให้บริการทางวิชาชีพเป็นนิติบุคคลให้รวมถึงการเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ กรรมการซึ่งไม่ใช่กรรมการอิสระ ผู้บริหาร หรือหุ้นส่วนผู้จัดการของผู้ให้บริการทางวิชาชีพนั้นด้วย เว้นแต่ จะได้พ้นจากการมีลักษณะดังกล่าวมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปีก่อนได้รับแต่งตั้งเป็นกรรมการ

              - ไม่เป็นกรรมการที่ได้รับการแต่งตั้งขึ้นเพื่อเป็นตัวแทนของกรรมการของบริษัทฯ ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ หรือผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ

              - ไม่ประกอบกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันที่มีนัยกับกิจการของบริษัทฯ หรือไม่เป็นหุ้นส่วนที่มีนัยในห้างหุ้นส่วน หรือเป็นกรรมการที่มีส่วนร่วมบริหารงาน ลูกจ้าง พนักงาน ที่ปรึกษาที่รับเงินเดือนประจำ หรือถือหุ้นเกิน 1% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมดของบริษัทอื่น ซึ่งประกอบกิจการที่มีสภาพอย่างเดียวกันและเป็นการแข่งขันที่มีนัยกับกิจการของบริษัทฯ

              - ไม่มีลักษณะอื่นใดที่ทำให้ไม่สามารถให้ความเห็นอย่างเป็นอิสระเกี่ยวกับการดำเนินงานของบริษัทฯ

     5.6. การสรรหากรรมการ

          (1) คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน มีหน้าที่สรรหา คัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติสอดคล้องกับกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ และเสนอคณะกรรมการบริษัท พิจารณาแต่งตั้ง

          (2) คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน จะพิจารณาทบทวนทักษะและคุณสมบัติของกรรมการ และองค์ประกอบโดยรวมของคณะกรรมการบริษัท โดยจัดทำเป็นตาราง Board Skill Matrix คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน ยังได้พิจารณาถึงความหลากหลาย ทั้งในด้านของทักษะ ประสบการณ์ ความรู้ ความเชี่ยวชาญ ความเป็นอิสระ สัญชาติ อายุและเพศของกรรมการ

          (3) ในการพิจารณากรรมการเดิมที่มีอยู่กลับเข้าดำรงตำแหน่ง คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ผลการปฏิบัติงาน จำนวนครั้งการเข้าร่วมประชุม และการมีส่วนร่วมในการประชุม รวมทั้งการมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่าง ๆ ของคณะกรรมการบริษัท

     5.7. วาระการดำรงตำแหน่ง

          กรรมการมีวาระการดำรงตำแหน่งตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับบริษัทฯ กรรมการที่พ้นจากตำแหน่ง ตามวาระอาจได้รับเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งใหม่ได้อีก ทั้งนี้ กรรมการอิสระดำรงตำแหน่งต่อเนื่องได้ไม่เกิน 9 ปี แต่หากคณะกรรมการบริษัทฯ เห็นสมควรให้ดำรงตำแหน่งต่อไป ควรพิจารณาอย่างสมเหตุสมผลตามความจำเป็นเพื่อประโยชน์สูงสุดของบริษัทฯ และให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณา นอกจากนี้ ยังต้องสามารถเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทโดยให้ความเห็นอย่างเป็นอิสระได้

     5.8. การประชุมคณะกรรมการ

          (1) คณะกรรมการของบริษัทต้องประชุมอย่างน้อย 3 เดือนต่อครั้ง ซึ่งกำหนดวันประชุมไว้ล่วงหน้าตลอดทั้งปี และอาจมีการประชุมพิเศษเพิ่มเติมตามความจำเป็น โดยการประชุมแต่ละครั้งได้มีการกำหนดวาระในการประชุมอย่างชัดเจน

          (2) ในการพิจารณาเรื่องต่างๆ ประธานกรรมการซึ่งทําหน้าที่ประธานในที่ประชุมได้จัดสรรเวลาในการประชุมอย่างเพียงพอ และเปิดโอกาสให้กรรมการแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระ

          (3) ในการประชุมคณะกรรมการบริษัทแต่ละครั้ง ณ ขณะที่คณะกรรมการจะลงมติ ในที่ประชุมมีกรรมการอยู่ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมการทั้งหมด

          (4) คณะกรรมการบริษัทกำหนดนโยบายให้กรรมการเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการบริษัทในแต่ละปีเฉลี่ยไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 และกรรมการแต่ละคนควรเข้าร่วมประชุม อย่างน้อยร้อยละ 75

     5.9. การประชุมของกรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหาร

          คณะกรรมการบริษัท ได้กําหนดให้กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารประชุมร่วมกันอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยไม่มีกรรมการที่เป็นผู้บริหารเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้กรรมการที่ไม่เป็นผู้บริหารได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและพิจารณาประเด็นต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวกับธุรกิจของบริษัทฯ และเรื่องที่อยู่ในความสนใจ

     5.10. การดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทอื่น

          (1) กรรมการทุกคนต้องจัดสรรเวลาอย่างเพียงพอสำหรับการเตรียมตัวและเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ และคณะกรรมการชุดย่อย คณะกรรมการบริษัทฯ จึงกําหนดเป็นนโยบายให้กรรมการบริษัทฯ ดํารงตําแหน่งในบริษัทจดทะเบียนอื่นรวมไม่เกิน 5 บริษัท

          (2) คณะกรรมการบริษัทฯ กำหนดนโยบายให้กรรมการที่เป็นผู้บริหารดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทจดทะเบียนอื่นที่อยู่นอกกลุ่มธุรกิจไม่เกิน 2 บริษัท

          (3) คณะกรรมการบริษัทฯ กำหนดนโยบายในการไปดำรงตำแหน่งกรรมการที่เป็นบริษัทอื่นของกรรมการผู้จัดการ (ยกเว้นบริษัทย่อยหรือบริษัทร่วมของบริษัทฯ) โดยให้เสนอเรื่องการดำรงตำแหน่งกรรมการในบริษัทอื่น เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทฯ ให้ความเห็นชอบ
หมวดที่ 5 ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ (ต่อ)
5.11. การปฐมนิเทศและพัฒนาความรู้อย่างต่อเนื่องของกรรมการ

          (1) คณะกรรมการบริษัทได้กำหนดให้มีการปฐมนิเทศกรรมการใหม่ เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจในธุรกิจ และการดำเนินการด้านต่างๆ ของบริษัทฯ เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการ

          (2) คณะกรรมการบริษัทมีนโยบายส่งเสริมและสนับสนุนกรรมการให้เข้าอบรมหลักสูตร หรือกิจกรรม สัมมนาเกี่ยวกับการเพิ่มพูนความรู้ในการปฏิบัติงานอย่างต่อเนื่อง อย่างน้อย 1 คนอบรมหรือสัมมนาในแต่ละปี

     5.12. การประเมินผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริษัท

          (1) คณะกรรมการบริษัทกำหนดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติงานของตนเองของคณะกรรมการบริษัทฯ ทั้งคณะ และของกรรมการรายบุคคลเป็นประจำทุกปี

          (2) คณะกรรมการชุดย่อยแต่ละชุดต้องประเมินผลการปฏิบัติงานของตนเองเป็นประจำทุกปีและรายงานผลการประเมินต่อคณะกรรมการบริษัท

     5.13. การประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการผู้จัดการ

          คณะกรรมการบริษัทร่วมกับคณะกรรมการสรรหาและพิจารณาผลตอบแทนเป็นผู้ประเมินผลการ ปฏิบัติงานของกรรมการผู้จัดการเป็นประจำทุกปี โดยผลการประเมินจะถูกนำมาใช้ประกอบการพิจารณาค่าตอบแทนของกรรมการผู้จัดการ

     5.14. ค่าตอบแทนกรรมการและผู้บริหาร

          (1) ค่าตอบแทนของกรรมการบริษัทฯ จะสอดคล้องกับหน้าที่ความรับผิดชอบ และเมื่อเปรียบเทียบค่าตอบแทนกับบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันและบริษัทที่มีขนาดใกล้เคียงกันแล้ว ค่าตอบแทนดังกล่าวอยู่ในระดับที่เหมาะสมและเป็นอัตราที่เพียงพอ สำหรับการรักษากรรมการที่มีคุณภาพไว้ โดยไม่มีการจ่ายค่าตอบแทนที่มากเกินควร ซึ่งค่าตอบแทนของกรรมการประกอบด้วย เงินเดือน โบนัส และเบี้ยประชุม คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทนเป็นผู้พิจารณากลั่นกรองและเสนอให้คณะกรรมการบริษัทและผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติ

          (2) การกำหนดโครงสร้างและองค์ประกอบของค่าตอบแทน จะต้องเหมาะสมกับประสบการณ์ ภาระหน้าที่ ขอบเขตของบทบาทและความรับผิดชอบที่กรรมการบริษัทฯ ได้รับมอบหมาย และประโยชน์ที่ได้รับจากกรรมการแต่ละคนอย่างเป็นธรรม สอดคล้องกับผลดำเนินการของบริษัทฯ

          (3) กรรมการที่เป็นผู้บริหารของบริษัทฯ จะไม่ได้รับค่าตอบแทนในฐานะกรรมการบริษัทฯ

          (4) ค่าตอบแทนของกรรมการผู้จัดการจะพิจารณาเป็นประจําทุกปี โดยเป็นไปตามผลการปฏิบัติงานในปัจจุบัน และผลการปฏิบัติงานตามกลยุทธ์ในระยะยาว รวมถึงพิจารณาจากการขยายตัวทางธุรกิจและการเติบโตทางผลกําไรของบริษัทฯ

     5.15. แผนการสืบทอดตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง

          (1) คณะกรรมการบริษัทกำหนดให้มีแผนการสืบทอดตำแหน่งของกรรมการผู้จัดการ และผู้บริหารระดับสูง โดยกําหนดหลักเกณฑ์การคัดเลือกผู้สืบทอดตําแหน่ง ซึ่งพิจารณาจากความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ ประวัติการทำงานที่ดี มีภาวะผู้นำ วิสัยทัศน์ในการบริหารจัดการ รวมทั้งมีคุณธรรม จริยธรรม ตลอดจนมีทัศนคติที่ดีต่อองค์กร สามารถอุทิศเวลาให้ได้อย่างเพียงพอ อันเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินกิจการของบริษัทฯ

          (2) คณะกรรมการบริษัทมอบหมายให้ คณะกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน รายงานความคืบหน้าของแผนสืบทอดตำแหน่งอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง

คณะกรรมการบริหาร

คณะกรรมการบริษัท

 

นายธีระ อภัยวงศ์
ประธานกรรมการ
กรรมการอิสระ
ประธานกรรมการตรวจสอบ
ประธานกรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน

 

นายสุจิน สุวรรณเกต
รองประธานกรรมการ
กรรมการอิสระ
กรรมการตรวจสอบ
กรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน

 

นายมินทร์ อิงค์ธเนศ
กรรมการ
(กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ)
ประธานกรรมการบริหาร

 

นายนราธร วงศ์วิเศษ
กรรมการ
(กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ)
ประธานกรรมการบริหารความเสี่ยง

 

นายไตรสรณ์ วรญาณโกศล
กรรมการ
(กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ)
กรรมการบริหาร
กรรมการบริหารความเสี่ยง
กรรมการผู้จัดการ

 

นางเพ็ชรรัตน์ วรญาณโกศล
กรรมการ
(กรรมการผู้มีอำนาจลงนามผูกพันบริษัทฯ)
กรรมการบริหาร
กรรมการบริหารความเสี่ยง

 

 

นายโสภณ อิงค์ธเนศ
กรรมการ

 

นางสุษมา รัติวานิช
กรรมการอิสระ
กรรมการตรวจสอบ
กรรมการสรรหาและพิจารณาค่าตอบแทน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ